Search

ขับดีแต่โคตรแพง! ทดสอบเอสยูวีเรือธง MERCEDES-BENZ GLS350d AMG PREMIUM - ไทยรัฐ

faca.prelol.com

สไตล์การออกแบบที่คุ้นเคยของ Mercedes-Benz ยุคใหม่ทำให้ New GLS มีหน้าตาคล้ายกับรถเอสยูวีของแบรนด์ตราดาว โดยเฉพาะรุ่น GLE และ GLC ด้านหน้าที่ตั้งชัน กระจังหน้าคาดพลาสติกสีเงินดีไซน์สองชั้นพร้อมสัญลักษณ์ตราดาวขนาดใหญ่ กันชน AMG มีช่องรับอากาศตรงกึ่งกลางและบริเวณด้านข้างใต้ไฟหน้า ฝากระโปรงอะลูมิเนียมยกสันนูนขึ้นตามสมัยนิยมเพื่อให้สอดรับกับกระจังและชุดไฟ ความกว้างระดับ 2 เมตร สูงเฉียดๆ 1.9 เมตร รวมกับความยาว 5.2 เมตร เมื่อจอดเทียบกับ GLA ทำให้ครอสโอเวอร์ไซส์เล็กกลายเป็นรถเด็กเล่นกันเลยทีเดียว 

ไฟหน้า Multibeam LED เวอร์ชั่นล่าสุดใน New GLS ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ตอนกลางคืนบนถนนที่ปราศจากแสงไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หลักการทำงานของระบบฯ ตั้งอยูบนพื้นฐานของไฟหน้าแบบ Multibeam LED ทำหน้าที่ควบคุมหลอดไฟแบบ LED จำนวน 112 หลอด ทำงานด้วยการปรับระดับความสว่างอย่างเป็นอิสระแยกจากกัน โดยมีระบบเซนเซอร์คอยตรวจจับความเคลื่อนไหวด้านหน้า เพื่อคำนวณระดับความสว่างแบบอัตโนมัติ Multibeam LED ของ Mercedes-Benz เป็นระบบส่องสว่างที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ ตรวจจับทางโค้งมุมอับสายตาในระยะทางที่ไกลมากกวาเดิม (กำลังส่องสว่างไกลประมาณ 650 เมตร) Multibeam LED ปรับให้แสงมีความสว่างเต็มพื้นที่ ยกหรือลดไฟสูงอัตโนมัติ ส่องไฟไปยังพื้นที่ด้านข้างทั้งสองฝั่ง (ซ้ายและขวา) หรือเบี่ยงเบนลำแสงขณะขับเข้าไปใกล้กับรถคันข้างหน้าเพื่อไม่ทำให้แสงไฟไปแยงตารถคันอื่นๆ ระบบ ULTRA RANGE Highbeam ปรับความยาวของลำแสงไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 150 เมตร โดยอัตโนมัติ หากไม่พบรถยนต์ที่วิ่งสวนทางมา และจะทำงานทันทีที่รถมีความเร็วสูงกว่า 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อมีรถสวนมาหรือวิ่งเข้าไปใกล้ท้ายรถคันข้างหน้า ลำแสงจะถูกเบี่ยงเบนไม่ให้ไปแยงตารถคันอื่นแต่ยังคงเพิ่มระดับของการส่องสว่างด้านข้างเพื่อทำให้คนขับมองเห็นในจุดที่เป็นมุมอับได้ดี 

ดีไซน์ด้านข้างตัวถังไหลลื่น เสาหน้าถูกรีดจนเรียวเล็กและมีอาศาของการลาดเอียงกลมกลืนไปกับแนวผืนหลังคา แรคติดรถใช้วัสดุอัลลอยสีเงินมีความแข็งแรงใช้ได้ กาบบันไดด้านข้างใช้วัสดุโลหะสีเงินกับปุ่มยางกันลื่นทำออกมาในลักษณะที่ช่วยเพิ่มความหรูหราและใช้งานได้ดีทำให้ไม่ต้องตะกายขึ้นไปในห้องโดยสารจากขนาดความสูงน้องๆ ช้างพลาย กรอบกระจกทุกบานเดินเส้นโลหะสีเงินเพื่อยกระดับความหรูหราของตัวถัง มือจับที่เปิดประตูแบบทูโทนสีเดียวกับตัวถังสลับสีเงิน เสาท้ายมีรูปทรงที่แปลกประหลาดและมีขนาดความหนามากกว่าเสาทุกต้นบนรถ Mercedes-Benz new GLS350d AMG Premium ใส่ล้ออะลูมิเนียมลาย 5 ก้าน ของ AMG ขอบ 21 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง Michelin รุ่น Latitude Sport 3 ยางล้อหน้าไซส์ 275/45R21 107Y ยางล้อหลังขนาด 315/40R21 111Y มิติตัวถังของ GLS350d AMG Premium มีขนาดความยาว 5,207 มิลลิเมตร กว้าง 2,006 มิลลิเมตร สูง 1,850 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,135 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,668 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,691 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง 200 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2,415 กิโลกรัม ความจุถังเชื้อเพลิง 85 ลิตร 

บั้นท้ายอวบอ้วนและโค้งมน ออกแบบคล้ายๆ กับส่วนท้ายของ Mercedes-Benz GLC รุ่นตัวถังมาตรฐาน แต่ส่วนท้ายของ GLS นั้นมีขนาดที่ใหญ่โตกว่ามาก ไฟท้าย LED แบบใหม่ เดินเส้นเชื่อมต่อกันด้วยเส้นโครเมี่ยมสีเงิน กันชนหลังโค้งเล็กน้อยเพื่อสอดรับกับฝาท้ายขนาดใหญ่ที่ใช้ระบบไฟฟ้าในการเปิด-ปิด ท่อระบายไอเสียทรงเหลี่ยมออกแบบได้อย่างสวยงามพร้อมชิ้นงานโลหะปิดคลุมอยู่ตรงส่วนล่างของกันชนหลัง ใต้กันชนยังติดตั้งเซนเซอร์เพื่อใช้เท้ากวาดให้ฝาท้ายเปิดออกขณะขนสัมภาระแล้วไม่มีมือข้างไหนที่ว่างพอจะเอื้อมไปกดเปิดฝาท้ายได้ ไฟเบรกดวงที่ 3 หลอด LED ติดตั้งอยู่ด้านบนสุดบริเวณกึ่งกลางของสปอยเลอร์หลังคา น่าแปลกใจที่ GLS นั้นไม่มีเสาอากาศทรงครีบปลาฉลามซึ่งก็ทำให้หลังคาด้านหลังดูโล่งตาดีเหมือนกัน 

เอสยูวีเรือธงโฉมใหม่ของแบรนด์ตราดาว ผ่านเอกลักษณ์ใหม่ของงานออกแบบ ฟังดูดี จริงๆ แล้ว GLS มีส่วนผสมของรถตราดาวหลายโมเดลทั้งงานภายในสไตล์ S-Class เครื่องยนต์ดีเซล 350d และเกียร์ 9-G ก็ใช้ร่วมกับ S-Class S350d บั้นท้ายคล้าย GLC แต่เป็น GLC ที่นั่งๆ นอนๆ จนตัวอ้วนฉุ ภายนอกดูใหญ่แต่เนียนตา เป็น GLS รุ่นใหม่ที่มีพัฒนาการที่ดี ออกแบบให้คล้ายกับเอสยูวีของพวกอเมริกันเนื่องจากโมเดล GLS นั้นขายดีในอเมริกาเหนือ บอดี้ด้านหน้าและด้านข้างดูจริงจัง ส่วนด้านหลังหรือบั้นท้ายก็ลงตัวและมีความเป็นไดนามิกส์มากกว่ารุ่นที่ผ่านมา เป็นรถเอสยูวีที่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ตราดาว ด้วยงานประกอบที่มีคุณภาพ ใช้วัสดุตกแต่งอย่างดีและมีของเล่นเยอะจนใช้ไม่หมด เฉพาะหลังคากระจก Panoramic ผืนใหญ่ยักษ์ที่พอเปิดใช้งานก็จะทำให้บรรยากาศของการขับเปลี่ยนไปทันที (ร้อน) 

ความแตกต่างจากเดิม ทั้งในแง่มุมของวิศวกรรมระบบขับเคลื่อนและการออกแบบ ก็เพื่อปรับปรุงให้ GLS รุ่นใหม่ สามารถเรียกร้องความสนใจให้กับมหาเศรษฐีที่ชอบเดินทาง คุณอาจดูเท่และมีสไตล์ใน G-Class หรือ Cayenne Coupe แต่คุณจะสบายสุดๆ เมื่ออยู่ใน GLS ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกนับร้อยรายการ Mercedes-Benz ต้องการให้ GLS เป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่มีพื้นที่ใช้สอยมากสุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ฐานล้อที่ยาวเหยียดทำให้เบาะแถวที่สองและสามมีพื้นที่เหลือเฟือ การโดยสารแบบ 5 ที่นั่งโดยพับเบาะแถวหลังสุด คุณจะได้พื้นที่ขนสัมภาระมากพอที่จะใส่ฮิปโปตัวอ้วนๆ ได้เลยทีเดียว ทรงของมันดูโด่งๆ  แต่ไม่สูงเพราะโหมด Comfort ปรับระดับความสูงไม่มากเท่ากับโหมด off Road เสาหลังหนาและใหญ่ เป็นจุดที่ยังออกแบบไม่ค่อยลงตัวแต่วัตถุประสงค์ของเสาท้ายกับแนวกระจกฝาท้ายก็คือการมีพื้นที่เก็บของมากพอแม้จะมีผู้โดยสารเต็มคันก็ยังมีที่พอสำหรับการใส่กระเป๋าเดินทาง

เบาะนั่งทุกตำแหน่งปรับไฟฟ้า เบาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าจัดวางมาดีพร้อมการปรับที่ครอบคลุมสรีระจะยกให้สูงหรือกดให้ต่ำก็ทำได้ทั้งนั้น ปุ่มปรับเบาะมีปุ่มบันทึกท่านั่งของแต่ละคนได้สามแบบ เบาะหุ้มหนังสีเทาดำนั่งสบายขับ เป็นงานดีไซน์ที่ให้ความผ่อนคลายเมื่อขับทางไกล ท่านั่งที่สูงสอดรับกับการมองเห็นรอบตัว สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 (2nd, 3rd seat row) ปรับพับด้วยระบบไฟฟ้าแค่กดปุ่มพับเพียงครั้งเดียว มันก็จะค่อยๆ พับเก็บแบบเงียบเชียบ ห้องโดยสารออกแบบให้มีความกว้างคือสไตล์และมาตรฐานของเอสยูวีไซล์โตจากเยอรมัน GLS350d AMG Premium ตกแต่งอย่างหรูมาตรฐานเดียวกับ S-Class ระยะฐานล้อถูกปรับให้ยาวขึ้นไปอีก 60 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ GLS โฉมที่แล้ว ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารมากขึ้นสำหรับการวางขาไม่ว่าจะเป็นเบาะแถวที่ 2 และ 3 โดยเฉพาะที่นั่งแถว 2 สามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมปุ่มบันทึกตำแหน่งที่นั่ง เบาะแถว 2 ปรับเลื่อนเบาะถอยหลังได้ 10 เซนติเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางขา พนักพิงปรับเอนได้มากกว่าเดิม ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 เป็นที่นั่งแบบ full-size ซึ่ง Mercedes-Benz แจ้งว่า เบาะแถว 3 สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีส่วนสูง 194 เซนติเมตร พร้อมระบบ EASY-ENTRY ออกแบบเป็นพิเศษให้เบาะและพนักพิงของที่นั่งแถว 2 สามารถพับขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อให้เข้าสู่ที่นั่งแถวที่ 3 สะดวกขึ้น นักออกแบบของแบรนด์ตราดาวยังเพิ่มการพับเบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ได้อย่างอิสระ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เพิ่มพื้นที่ความจุสำหรับเก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะแถวที่ 3 มากถึง 2,400 ลิตร ใหญ่ยักษ์ตามรูปแบบของยานยนต์อเนกประสงค์ขนาดฟูลไซส์ 

แดชบอร์ดขนาดใหญ่มีจอภาพมาตรวัดและจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ เชื่อมต่อกัน จอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit หน้าจอแสดงผลแบบพาโนรามา สาแก่ใจทุกครั้งที่มอง เนื่องจากขนาดความยาวและความคมชัดของจอภาพ ใช้งานได้ดีในวันที่แสงแดดจัดด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่พิเศษ 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ เชื่อมต่อกัน จอมอนิเตอร์กลาง ทำงานเชื่อมโยงกับการปรับตั้งค่าต่างๆ เป็นมอนิเตอร์ของกล้องมองรอบคัน ระบบนำทางด้วยดาวเทียม ระบบสื่อสารและบันเทิง MBUX แบบใหม่ล่าสุด การแจ้งข้อมูลต่างๆ ที่มีควาสำคัญต่อการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะสั่งงานด้วยการสัมผัสที่สัญลักษณ์บนจอภาพ หรือสั่งงานด้วยเสียง ระบบนำทางด้วยดาวเทียมแจ้งสภาพการจราจรล่าสุดแลลเรียลไทม์ ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการขับฝ่าเข้าไปในถนนที่มีรถติดหนักหน่วง

จอภาพมาตรวัด TFT LCD ตรงหน้าคนขับ สามารถเปลี่ยนรูปแบบแสดงผลของหน้าจออย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียกดูข้อมูลขององศา ความสูงและการปรับระดับด้วยระบบ Air Suspension นำระบบนำทางด้วยดาวเทียมมาใส่ไว้ข้างๆ หรือขยายเต็มจอภาพ การทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 Matic จอกลางสั่งงานได้สองระบบ ทั้งระบบสัมผัสสำหรับหน้าจอแสดงผลข้อมูลส่วนกลางและระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาอังกฤษ

พวงมาลัย AMG สปอร์ตสามก้านมาพร้อมสวิตช์มัลติฟังก์ชันเหมือนเดิม และที่ขาดไม่ได้ก็คือแป้นเปลี่ยนเกียร์ สวิตช์มัลติฟังก์ชันที่ก้านวงทางขวามือเป็นที่อยู่ของ Adaptive Cruise Control ปุ่มเลือกปรับจอภาพมาตรวัดและปุ่มระบบสัมผัสที่ใช้กดสั่งงานในการตั้งค่าหรือเรียกดูข้อมูลต่างๆ ส่วนสวิตช์ที่ก้านวงพวงมาลัยทางฝั่งซ้ายเป็นปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มระบบสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มเลือกโหมดในระบบให้ความบันเทิง แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift มีขนาดเล็กแต่ใช้งานได้ดีจากตำแหน่งที่วางมาพอดิบพอดีกับการใช้นิ้วชี้กดเพื่อเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวของคนขับ

โหมดการขับเคลื่อน 5 รูปแบบของ GLS350d AMG Premium เริ่มจาก ECO เน้นไปเรื่อยๆ และคงความประหยัดเชื้อเพลิง โหมด Comfort เป็นโหมดเริ่มต้นเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ มีกาารตอบสนองของระบบขับเคลื่อนที่ค่อนข้างเป็นกลาง คันเร่งไฟฟ้าในโหมดนี้ ตอบสนองได้ดีกว่าโหมด ECO รวมถึงการทำงานของระบบเกียร์ 9-G ที่ว่องไวและไหลลื่นขึ้นไปสู่อัตราทดสูงอย่างรวดเร็ว โหมด Sport ทุกสิ่งทุกอย่างของการเทแรงบิดจะเปิดออกจนหมด คุณสามารถล้วงเข้าไปปรับตั้งได้แม้กระทั้งระดับการทำงานของระบบช่วยทรงตัวและรักษาเสถียรภาพ ESP ส่วนโหมด Individual เป็นโหมดที่คนขับสามารถปรับการตอบสนองแบบแยกย่อยของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง พวงมาลัยไฟฟ้า และระบบควบคุมการทรงตัว ESPโหมดสุดท้ายที่เอาไว้ลุยก็คือโหมด off road ช่วงล่างจะยกระดับความสูงจาก 200 มิลลิเมตร ขึ้นไปอีก 30 มิลลิเมตร แบบอัตโนมัติ เพื่อยกใต้ท้องรถให้พ้นจากสภาพเส้นทางวิบากซึ่งอาจจะต้องเผชิญกับเนินดิน หลุมหรือบ่อโคลน 

ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display)
อันนี้คือจุดเด่นของ GLS จอแสดงข้อมูลที่ใช้การยิงสะท้อนกระจกตรงหน้าคนขับมีขนาดใหญ่ (มาก) ไม่ใช้ใหญ่อย่างเดียวมันยังชัดสุดๆ อีกด้วย จอภาพ HUD แสดงผลข้อมูลที่มีความหลากหลาย ทำให้คนขับสามารถเข้าถึงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน จอภาพของระบบ HUD แสดงข้อมูลในระดับสายตาที่มองเห็นได้ชัดเจน ปรับความเข้มของการแสดงผล หรือปรับตำแหน่งของการแสดงผลและสามารถปิดระบบได้หากไม่ต้องการใช้งาน ไล่เรียงตั้งแต่การแสดงตำแหน่งและทิศทางรวมถึงองศาความลาดเอียงขณะขับลุยทางออฟโรด สปีดความเร็ว ระบบนำทาง หรือการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 MATIC แรงบิดที่ลงไปในล้อแต่ละข้าง ความใหญ่ที่มาพร้อมความคมชัดทำให้เป็นจอ HUD ที่ชนะเลิศกันไปเลยทีเดียว 

ระบบตั้งค่ารถยนต์ (Pre-installation for Vehicle Set-Up) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารด้วยโทรศัพท์มือถือ (Remote Engine Start) กับ Remote Door Lock/Unlock สามารถล็อกรถได้จากทุกที่ หมดกังวลเรื่องความปลอดภัย มั่นใจได้ว่าเอสยูวีราคาแสนแพงของคุณจะอยู่ในการควบคุมตลอดเวลาเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางกับความสบายในแบบที่ควบคุมได้ด้วยระบบ Remote Engine Start สั่งสตาร์ตรถยนต์และเปิดระบบปรับอากาศได้ก่อนจะถึงตัวรถ ติดเครื่องยนต์และออกเดินทางไปกับความเย็นสบายในแบบที่คอนโทรลได้เอง (อีกไม่นานคงเป็นง่อยกันไปหมด) เมื่อเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ กับเรื่องตำแหน่งที่จอดรถ ระบบ Parked Vehicle Locator จะเข้ามาจัดการให้เอง โดยแสดงตำแหน่งของรถยนต์ภายในรัศมี 1.5 กิโลเมตร เพื่อให้คุณค้นหารถยนต์ที่จอดไว้แต่ดันงงว่ามันอยู่ตรงไหน รวมไปถึง Vehicle Tracker ระบบที่ติดตามตำแหน่งรถยนต์ผ่าน GPS เรียกได้ว่าโจรโขมยรถจะถูกจับกุมอย่างรวดเร็ว หลังจากขับออกไปไม่นาน ระบบ Geofencing ฟังก์ชันจำกัดพื้นที่การขับขี่ เพื่อทำให้รถปลอดภัยและอยู่ในการควบคุมของเจ้าของตลอดเวลา 

ระบบสั่งการด้วยเสียง Hey Mercedes อันนี้เป็นลูกเล่นใหม่ในระบบ MBux มาพร้อมความทันสมัยด้วยโปรแกรมการสั่งงานด้วยเสียงภาษาอังกฤษ อีกระดับของความสะดวกสบายด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียงซึ่งสามารถประมวลผลประโยคที่ใกล้เคียงกับคำสั่งทั่วไปได้ เมื่อพูดว่า Hey Mercedes แต่ต้องพูดให้ชัดถ้อยชัดคำ สำเนียงถูกต้อง แล้วตามด้วยคำสั่งเช่น I'm cold หรือ ฉันหนาว!! ฟังก์ชันสั่งงานด้วยเสียงทำงานเหมือนกับตัว AI จะล้วงเข้าไปทำการปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เหมาะสมพร้อม ระบบสามารถจดจำและเรียนรู้การสั่งงานของเจ้าของ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างคนขับกับรถได้ แต่ถ้าสั่งแล้วยังเฉย ก็ตัวใครตัวมันละครับ 

Mercedes-Benz GLS ถือเป็นเรือธง Large Full-size SUV 7 ที่นั่ง ห้องโดยสารกว้างขวางอย่างกว้าง ตกแต่งด้วยอุปกรณ์หรูหราเทียบชั้น S-Class โครงสร้างตัวถังและระบบรองรับมีความความแข็งแกร่ง ความใหญ่โตกับพื้นที่อเนกประสงค์เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ SUV ระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด GLS350d วางเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบเทอร์โบ รุ่นใหม่ล่าสุดของ Mercedes-Benz 2,925 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุดถึง 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 7 วินาที ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full time 4 MATIC พร้อมกลไกไฟฟ้าในการเฉลี่ยแรงบิดให้กับล้อแต่ละข้าง เพื่อการควบคุมรถและการทรงตัวบนถนนที่ดีบนผิวถนนเปียกลื่น รวมถึงการขับขี่บนทาง OFF-ROAD ระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC เชื่อมต่อการทำงานกับโหมดของการขับเคลื่อน เป็นชุดส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพทั้งในด้านอัตราเร่งและความประหยัด เรียกได้ว่าเทพพอๆ กับเกียร์ ZF 8 สปีดของ BMW แต่เหนือกว่านิดๆ ด้วยอัตราทดที่มากกว่า BMW แค่เกียร์เดียว 9G-TRONIC เป็นระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 สปีด ผลิตโดย Mercedes-Benz และเป็นชุดเกียร์คิดค้นเพื่อให้ได้อัตราเร่งที่ดี นุ่มนวลจากการทำงาน อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ถึง 6.5% และยังสามารถเลือกปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT ได้ถึง 5 รูปแบบ

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 MATIC
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full time แบบ 4 MATIC ทำงานอย่างสอดคล้องโดยการกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถและการทรงตัวบนถนนที่เปียกลื่น รวมถึงการขับขี่บนทางแบบ OFF-ROAD ช่วงล่าง AIRMATIC เป็นครั้งแรกที่จะได้พบกับฟังก์ชันเตรียมรถเข้าสู่เครื่องล้างรถอัตโนมัติ โดยจะทำงานอย่างสอดคล้องร่วมกับระบบ AIRMATIC เมื่อสั่งงานผ่านหน้าจอ Media Display แต่รถราคาระดับนี้ เจ้าของในประเทศไทยส่วนใหญ่มักจะล้างในร้านรับจ้างล้างรถหรูราคาแพง มากกว่าจะเสี่ยงเอาเข้าไปปั่นในเครื่องล้างที่อาจทำให้เกิดริ้วรอยบนตัวถัง  

โครงสร้างโมโนค็อกที่แข็งแรงประกอบเหล็กกล้าและอลูมิเนียม การออกแบบแชสซี บวกกับระบบขับเคลื่อนซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ทำให้ GLS คล่องตัวทั้งในและนอกเมือง ความแข็งแกร่งยังทำให้การควบคุมไดนามิกส์ของตัวถังมีความเที่ยงตรงแม่นยำ พวงมาลัยไฟฟ้าควบคุมน้ำหนักด้วยเซนเซอร์ที่ตรวจจับการทำงานของคันเร่ง ความเร็วและโหมดที่ใช้ในการขับเคลื่อน ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมทำให้ลุยทางออฟโรดได้ด้วยความสบายเนื้อสบายตัว อาการโคลงมีไม่มากเมื่อขับผ่านผิวถนนที่ขรุขระ เกียร์ 9-G ฉลาดปราดเปรื่องและทำงานด้วยความลื่นไหลไร้รอยต่อ เกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อระบบ 4 Matic ต่อเชื่อมแรงบิดจากเครื่องยนต์ส่งตรงไปยังเพลาหน้าด้วยชุด Transfer Case ที่รับแรงบิดได้อย่างแม่นยำต่อเนื่องและรวดเร็ว เพลากลางเชื่อมต่อกับเฟืองท้ายที่มีความแข็งแรง กลไกไฟฟ้าในระบบ 4 Matic ในยามปกติจะเทแรงบิดไปที่ล้อหลังมากกว่าปกติ ส่วนใหญ่เมื่อขับบนถนนเรียบๆ ที่แห้งสนิท แรงบิดจะถ่ายไปที่ล้อหลัง 100% เพื่อลดการกินน้ำมันโดยไม่จำเป็น และเมื่อขับออกจากทางเรียบๆ เข้าสู่ทางแบบออฟโรด แรงบิดจะเฉลี่ยไปที่ล้อทั้งสี่โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องปรับโหมดไปที่ Off Road ให้เสียเวลา ส่วนโหมด Off Road ความสูงของตัวรถจะถูกยกขึ้นเองแบบอัตโนมัติ รวมถึงการเฉลี่ยแรงบิดลงไปยังล้อทั้งสี่ ตามสภาพการณ์ของการขับเคลื่อนบนเส้นทางวิบาก 

ปัจจุบัน รถเอสยูวีคันโตและรถครอสโอเวอร์ยกสูงขายดีมากทั้งยุโรป อเมริกา ซึ่งถือเป็นต้นตำหรับและเอเชีย รวมถึงออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ก็ยังนิยมรถยนต์แนวนี้มากกว่ารถเก๋ง ถ้าเป็นในอเมริกา รถประเภทนี้จะขายดีสุดๆ จนมีอัตราส่วนมากกว่าครึ่งของรถยนต์ทั้งหมดที่ขายในทวีปอเมริกาเหนือ และไม่ใช่แค่ในยุโรปกับอเมริกาที่ขายดี เมืองที่เติบโตอย่าง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ดูไบ ลูกค้าคนรวยมักชอบความใหญ่โตที่มาพร้อมกับความปลอดภัย พื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ขนทั้งคนกับสัมภาระได้มากกว่ารถเก๋งตันโต เอสยูวีอย่าง GLS สามารถวิ่งบนสภาพถนนที่ย่ำแย่โดยที่คนในรถทั้งหมดยังสบายเนื้อสบายตัวเป็นปกติ ไม่มีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทาง นี่ยังไม่นับในเรื่องของความพึงพอใจหลังจากจ่ายเงินเกือบ 9 ล้านบาทเพื่อแลกกับดีไซน์ที่มาพร้อมความบึกบึน รถรุ่นเรือธงในกลุ่มยานยนต์อเนกประสงค์ฟูลไซส์อย่าง Mercedes-Benz GLS เปรียบได้กับ S-Class ที่ยกสูงแต่ยังคล่องตัว ปราดเปรียวและทรงพลัง ถ้านึกถึงความหรูก็ให้ไปที่ Bentley Bentayga และถ้าต้องการความถึกทนก็ให้มองไปที่ Land Cruiser แต่ถ้าต้องการความสบาย GLS จัดให้ได้ในแบบที่ใช้แทบไม่หมด 

ห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่งของมัน ถูกจัดสรรพื้นที่อย่างชาญฉลาด การใช้งานของเบาะทุกตัวขึ้นตรงกับระบบไฟฟ้า Mercedes-Benz ออกแบบห้องโดยสารได้หรูหรามาก โดยเฉพาะจอภาพมาตรวัดและจอภาพมอนิเตอร์กับระบบสั่งงานแบบใหม่ล่าสุด MBux ในราคาที่ถูกกว่า Bentayga แบบเทียบกันไม่ติด คุณภาพของวัสดุและงานประกอบภายในดีสุดในโมเดล GLS ที่เคยผลิตออกมาขาย มันดีกว่ารุ่นเก่าแบบรถคนละยุคและมาพร้อมความทันสมัยที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้กันพอสมควร GLS350d ยังเป็นเอสยูวีแนวรักษ์โลก ระบบ Auto Start/Stop จะดับเครื่องยนต์เมื่อจอดอยู่กับที่เพื่อลดการปล่อยมลพิษ อัตราสิ้นเปลืองระดับ 11 กิโลเมตรต่อลิตร บนเส้นทางภูเขาที่มีการใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่องบนน้ำหนักตัว 2.4 ตัน นั้นโคตรจะประหยัด แต่คนที่ควักเกือบ 9 ล้านไม่ค่อยจะสนใจอัตราสิ้นเปลืองเท่ากับความหรูและความสบายที่ถูกบรรจุอยู่ในห้องโดยสาร เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 3.0 ลิตรเทอร์โบ ตัวใหม่กับระบบเกียร์ 9-G แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขับเคลื่อนที่สอดคล้องไปกับการลดมลภาวะ! 

เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบรุ่นใหม่ OM656 ออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายการปล่อยมลพิษในอนาคตของยุโรป Euro 6d-TEMP (RDE-Real Driving Emissions) ส่วนประกอบทั้งหมดของตัวเครื่องเกี่ยวข้องกับการลดมลพิษ เทคโนโลยีแบบบูรณาการของระบบกำจัดมลพิษได้รับการปรับปรุงใหม่ การนำไอเสียหมุนวนกลับไปเผาไหม้ซ้ำเพื่อลด CO2 เครื่องยนต์ดีเซลแถวดรียง 6 สูบ รหัส OM656 ติดตั้งระบบหมุนเวียนไอเสีย (EGR) แบบหลายทาง เมื่อเลือกโหมดขับเคลื่อน ECO ฟังก์ชันการขับแบบประหยัดเชื้อเพลิงจะเริ่มต้นการทำงาน เกียร์ 9G-Tronic จะทดขึ้นสู่เกียร์สูงอย่างรวดเร็ว ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อความประหยัด ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เคลื่อนไหวในเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ของค่ายตราดาวยังถูกออกแบบให้มีแรงเสียดทานต่ำ ส่งผลให้ประหยัดเชื้อเพลิง คลัตช์ของชุดส่งกำลัง 9G-Tronic ทำงานอย่างนิ่มนวล แม้จะใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์ปรับเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวเองเกียร์ 9-G Tronic ก็ยังทำงานได้อย่างไหลลื่นและเงียบเชียบ 

จากที่เคยใช้เครื่องยนต์ดีเซลแบบ V6 3.0 ลิตรเทอร์โบ (OM642) ก็หันมาใช้เครื่องยนต์ดีเซลแบบสูบเรียง 6 กระบอกสูบ Two Stage Turbo (เทอร์โบสองตัวประกบอยู่ใกล้ๆกัน) ช่วยทำให้น้ำหนักลดลงถึง 10 กิโลกรัม เครื่องยนต์ใหม่รหัส OM656 แบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป 4 วาล์วต่อสูบ มีปริมาตรความจุ 2,925 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 82.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5:1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ Common rail Direct injection ให้กำลังสูงสุด 210 กิโลวัตต์ หรือ 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุดมากถึง 600 นิวตัน-เมตร มีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองดีเยี่ยมถึง 12 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อขับที่ความเร็ว 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ดีเซลตัวใหม่ใช้เชื้อเพลิงน้อยลง 6% มีคุณสมบัติพิเศษของเครื่องยนต์ระดับสูงในตระกูลดีเซลตราดาว เช่น กระบวนการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบ เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ two-stage turbocharging ควบคุมระบบวาล์วแปรผันด้วย CAMTRONIC การออกแบบประกอบด้วยการรวมกันของบล็อกเครื่องยนต์อะลูมิเนียมและลูกสูบเหล็ก รวมทั้งการเคลือบสารหล่อลื่น NANOSLIDE® ที่ผนังกระบอกสูบ ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic automatic transmission พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles)

ช่วงล่างแบบปรับความสูง-ต่ำ Adaptive airmatic suspension พร้อมระบบควบคุมระดับความสูง-ต่ำอัตโนมัติ ทำงานกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ควบคุมการทรงตัวได้ในทุกสภาวะ ทำงานด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมยังสามารถปรับให้เหมาะกับการขับขี่และโหมดของการขับเคลื่อนที่ถูกเลือกโดยคนขับ ความแข็งแกร่งของช่วงล่างถุงลมถูกปรับใหม่เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลและเพิ่มการยึดเกาะถนนเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ในโหมด Comfort และ Sport โดยความสูงจะเพิ่มแบบอัตโนมัติเมื่อเลือกใช้โหมด off road ระบบกันสะเทือนควบคุมด้วยไฟฟ้าจะถูกปรับใช้งานให้สอดคล้องในแต่ละโหมดและสภาพถนน โดยสามารถปรับยกตัวรถได้สูงถึง 30 มิลลิเมตร เมื่อขับขี่บนถนนที่ขรุขระหรือมีหลุมบ่อ ระบบจะปรับตัวรถลง 20 มิลลิเมตร โดยอัตโนมัติเมื่อขับด้วยความเร็วสูง เพื่อลดอาการโคลงตัวและเพิ่มการยึดเกาะจากค่า CG ที่ลดลง

ทิวทัศน์แถวพุเตยสวยงามตระการตา Mercedes-Benz พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเค้าก็สามารถทำเอสยูวีที่ต่อกรกับรถคู่แข่งได้อย่างสบายๆ จังหวะลุยฝ่าทางออฟโรดที่ทั้งลื่นและเอียง เจ้ายักษ์เยอรมันคันนี้ก็วิ่งได้อย่างเงียบเชียบและเฉียบคม มันลุยฝ่าพื้นถนนที่ลาดชันและเอียงโดยที่กันชนหน้า AMG หรือแม้แต่ท่อระบายท้ายไม่ครูดกับขอบดินไหล่ทาง โอเวอร์แฮงค์ของรถและท่านั่นที่ค่อนข้างสูงมองเห็นได้เลยว่าตรงไหนผ่านไปได้หรือไม่ได้ เซนเซอร์ตรวจจับการขับเข้าไปใกล้กับสิ่งกีดขวางยังทำงานตลอดเวลาโดยส่งทั้งภาพและเสียงเมื่อคุณเข้าไปใกล้กับต้นไม้ชายป่ามากจนเกินไป แรงบิด 600 นิวตันเมตร โลดโผนโจนทะยานได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะความมันเมื่อขับบนผิวถนนที่อุดมไปด้วยกรวดและลูงรังซึ่งมาพร้อมกับฝุ่นสีแดงและเสียงก่นด่าของชาวบ้านข้างทาง ล้อทั้ง 4 ของมันขึ้นตรงกับการเฉลี่ยแรงบิดจากระบบ 4 Matic ช่วยให้ลุยทางโหดๆ ได้ดี ถ้าคุณมีความกล้ามากพอ! GLS เป็นรถที่ถูกสร้างเพื่อทำให้มันวิ่งบนไฮเวย์ได้อย่างยอดเยี่ยมและสามารถบุกตะลุยฝ่าเส้นทางทุรกันดานแล้วเอาตัวรอดได้อย่างสบายอารมณ์ มันพัฒนามาดีเกินกว่าการใช้งานในสภาวะปกติด้วยซ้ำ เป็นหลักการทางวิศวกรรมของการสร้างรถยนต์ที่ดี (แต่มีราคาแพง) ถูกออกแบบให้ทนต่ออุปสรรคต่างๆ เกินกว่าการใช้งานประจำวันทั่วไป

หักพวงมาลัยกลับขึ้นมาขับบนทางเรียบๆ GLS350d แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความสามารถบนเส้นทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะทางหลวงชนบทลาดยางคดเคี้ยวรอบหุบเขา ที่จริงต้องใช้คำว่าเหนือชั้นมันก็ดูจะมากเกินไป แต่การวิ่งที่เต็มไปด้วยความนุ่มและสบายบนถนนเส้นเล็กๆ แสดงให้เห็นบุคลิกของรถที่เป็นธรรมชาติ ไม่ได้ดัดจริตจนเกินงามและมาพร้อมความหรูหราที่พอตัว มันเป็นรถที่นั่งขับได้สบาย ไม่อุ้ยอ้ายจนทำให้เสียอารมณ์และโคลงแค่พองามเมื่อขับผ่านผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอซึ่งมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทย อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ 7 วินาทีเศษ เป็นยักษ์ที่ออกตัวจากจุดหยุดนิ่งได้เร็วจนน่าตกใจ ความเร็วปลายผมไม่กล้าขับไปถึง แค่ลองกดคันเร่งลงไปเต็มๆ แวบเดียวก็รับรู้ถึงแรงดึงที่มีมาให้อย่างต่อเนื่องเหมือนไม่มีวันหมด ดูเหมือนไม่เร็วแต่ถ้าเหลือบตาไปมองมาตรวัดความเร็วคุณจะตกใจว่าห้อมาได้ยังไงถึงได้เร็วขนาดนั้น

ยาง Michelin รุ่น Latitude Sport 3 ยางล้อหน้าไซส์ 275/45R21 107Y ยางล้อหลังขนาด 315/40R21 111Y รับหน้าที่ซึ่งกลายเป็นภารกรรมอันหนักหน่วงแสนสาหัสได้ดี ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักมหาศาล 2.4 ตันเฉลี่ยลงไปที่ล้อยางแต่ละข้าง ลายดอกยางกึ่งเรียบที่พอจะลุยทางขรุขระหรือการเบรกที่รุนแรงได้ ยึดเกาะกับผิวถนนทั้งลาดยางและทางปูนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ การเก็บเสียงก็สมราคาค่าตัวเฉียดๆ 9 ล้าน เงียบจนน่าใจหายถ้าไม่เปิดเพลงฟังแล้ววิ่งด้วยความเร็วต่ำในเมืองนี่เงียบสนิทเอาเรื่อง ถ้าคุณมีเงินเยอะและมีรถเต็มบ้าน แต่ยังอยากได้เอสยูวีดีๆ สักคันโดยที่ไม่เกี่ยงกับค่าดูแล GLS350d AMG Premium คือคำตอบที่ดี คันทดสอบในภาพ ราคา 8,859,000 บาท มันมาพร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ และถึงแม้จะมีบางอย่างที่ไม่ต้องการ แต่ Mercedes ก็ยังไม่ลืมที่จะใส่มาให้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่รถครอบครัวคันโตราคาประหยัด ใน GLS จิตวิญญาณของคุณจะถูกดึงดูดความสนใจด้วยออปชันที่แจ่มแจ๋ว พร้อมระบบขับเคลื่อนซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุด ระบบรองรับที่แสนสบาย มันเป็นรถที่มาพร้อมความสบาย แรงแต่ประหยัด ไม่ว่าคุณจะต้องการให้มันประหยัดหรือไม่ก็ตาม

Mercedes-Benz GLS350d AMG Premium ราคา 8,859,000 บาท

อุปกรณ์มาตรฐาน

1. หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
2. บันไดข้างแบบสเตนเลสดีไซน์สปอร์ต
3. ไฟส่องทางใต้กระจกมองข้างเป็นรูปตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์
4. ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO พร้อมระบบเปิด-ปิด บานประตูท้ายอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มือ
5. ระบบช่วยปิดประตู และบานประตูท้ายด้วยระบบไฟฟ้า
6. ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester

7. ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ พร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360°
8. ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus)
9. ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto)
10. ระบบแผนที่นำทาง
11. ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 5 โซน
12. ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี

รายละเอียดด้านเทคนิค GLS 350 d 4MATIC AMG Premium
เครื่องยนต์ ดีเซลแถวเรียง/6 สูบ/6 วาล์วต่อสูบ พร้อม 2-stage เทอร์โบชาร์จเจอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,925 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 210 กิโลวัตต์ 286 แรงม้า ที่ 3,400-4,600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,200-3,200 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.0 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 277 กม./ชม.
ความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร
พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 470-2,400 ลิตร
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles)
ขนาดล้อและยาง-หน้า 275/45 R21
ขนาดล้อและยาง-หลัง 315/40 R21

มิติตัวถัง
กว้าง 1,956 มิลลิเมตร
ยาว 5,207 มิลลิเมตร
สูง 1,823 มิลลิเมตร

ระบบความปลอดภัย GLS 350 d 4MATIC AMG Premium
ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC) 
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) 
ระบบแจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ (Exit Warning Function) 
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist) 
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) 
ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind assist) 
ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system) 
ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า-หลัง 
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง 
ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่ 
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 7 ที่นั่ง 
ESP (Electronic Stability Program)

ระบบความปลอดภัย GLS 350 d 4MATIC AMG Premium
Electronic Traction System 4ETS สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ 
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration Skid Control) 
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) 
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist 
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light) 
ระบบรักษาระดับความเร็ว (Cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) 
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator) 
ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ (Tyre pressure monitoring system) 
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) 
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist with PARKTRONIC) 
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 
ระบบตัดการทำงานของถุงลมนิรภัยโดยอัตโนมัติสำหรับที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า (Automatic front passenger airbag deactivation)

อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก GLS 350 d 4MATIC AMG Premium
ใบปัดน้ำฝนทำงานโดยอัตโนมัติ พร้อมเซนเซอร์วัดปริมาณน้ำฝน 
ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED 
ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS-Active Light System) 
ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light) 
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus) 
ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟเบรกและไฟท้ายแบบ LED 
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน และไฟเลี้ยวด้านท้ายแบบ LED 
ไฟส่องทางใต้กระจกมองข้างเป็นรูปตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ 
กระจกมองข้างปรับระดับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า 
กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ 
ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO 
ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS) 
ระบบช่วยปิดประตู และบานประตูท้าย ด้วยระบบไฟฟ้า 

หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตจาก AMG 
สัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรก 
บันไดข้างสเตนเลสดีไซน์สปอร์ต 
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (AIRMATIC) พร้อมระบบควบคุมระดับอัตโนมัติ 
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5-twin-spoke ขนาด 21" 
ล้อและยางอะไหล่ฉุกเฉิน 
แผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง 

อุปกรณ์มาตรฐานภายใน GLS 350 d 4MATIC AMG Premium
ปุ่มสตาร์ต (PUSH-START) 
ฟังก์ชัน ECO start/stop 
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT 
หน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ widescreen cockpit 
ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมน้า (Head-up display) 
เบาะนั่งหุ้มหนัง 
ด้านบนของคอนโซลหน้า (dashboard) และด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง ARTICO 
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต หุ้มหนัง nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control 
เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ สำหรับตำแหน่งที่นั่ง 
พวงมาลัย และกระจกมองข้าง
เบาะนั่งแถวที่ 2 ซ้าย-ขวา ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า สามารถปรับองศาการเอนของพนักพิงได้ 
เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบบ 40:20:40 
เบาะนั่งแถวที่ 3 สำหรับผู้โดยสาร 2 คน 
การตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยโครเมียม 
ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร 64 สี (ambient lighting) 
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 5 โซน 
ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวา 
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester

ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlayTM & Android Auto)

ช่อง USB Type C ภายในห้องโดยสาร จำนวน 7 ช่อง 
ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต
พรมปูพื้นพร้อมสัญญลักษณ์ AMG 
ปลั๊กไฟ 220 โวลต์ สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่เกิน 150 วัตต์ บริเวณคอนโซลกลางที่นั่งด้านหลัง 
แผ่นปิดสัมภาระท้ายรถ 
ระบบความสะดวกสบายและการสื่อสาร GLS 350 d 4MATIC AMG Premium
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร 
ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (Mercedes-Benz emergency call) 
ฟังก์ชันเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน MBUX 
อุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สำหรับบริการ Mercedes me connect 
ระบบแผนที่นำทางพร้อมบริการ Live Traffic Information 
ระบบรองรับบริการมัลติมีเดียและความสะดวกสบาย 
ระบบตั้งค่ารถยนต์ 
ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์ 
ระบบรองรับ Digital Radio 
ฟังก์ชันสตาร์ตเครื่องยนต์ และระบบปรับอากาศด้วยโทรศัพท์มือถือ (Remote Engine Start) 
เครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิทัล.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

Let's block ads! (Why?)



"แสดงผล" - Google News
August 07, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/3gBPZVU

ขับดีแต่โคตรแพง! ทดสอบเอสยูวีเรือธง MERCEDES-BENZ GLS350d AMG PREMIUM - ไทยรัฐ
"แสดงผล" - Google News
https://ift.tt/3cS0tOw
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3dnz7A2

Bagikan Berita Ini

Related Posts :

0 Response to "ขับดีแต่โคตรแพง! ทดสอบเอสยูวีเรือธง MERCEDES-BENZ GLS350d AMG PREMIUM - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.