Search

น้ำตา 'สาลิกาดง' ความเจ็บช้ำของนิวคาสเซิล หลังความหวังครั้งใหม่ดับสูญ - thestandard.co

faca.prelol.com

นับตั้งแต่ที่พรีเมียร์ลีกถือกำเนิดขึ้นในปี 1992 สิ่งต่างๆ ในวงการฟุตบอลอังกฤษก็เปลี่ยนแปลงไปราวกับเป็นโลกคนละใบ

สโมสรฟุตบอลจากที่เป็นธุรกิจของนายทุนท้องถิ่นหรือคนในประเทศค่อยๆ ถูกเปลี่ยนถ่ายความเป็นเจ้าของสู่นายทุนหรือกลุ่มทุนต่างชาติที่มองสโมสรฟุตบอลว่าเป็นหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าในหลายด้าน และทำให้แทบทุกสโมสรในลีกสูงสุดหรือแม้แต่ทีมในระดับล่างเองต่างมีนายทุนที่พร้อมเข้ามาลงทุนเพื่อหวังผลประโยชน์จากเกมฟุตบอลที่งดงาม

ในกลุ่มนายทุนที่เข้ามาลงทุนนั้นมีทั้งที่เข้ามาบริหารด้วยความตั้งใจดี และกลุ่มทุนที่ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าตัวเลขผลกำไรจากการบริหารสโมสร 

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนการเข้ามาเทกโอเวอร์ทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ของกลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบียครั้งล่าสุดจะกลายเป็นการเทกโอเวอร์ที่มีปัญหามากและยากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ

การเทกโอเวอร์ซึ่งปรากฏเป็นข่าวในช่วงเดือนเมษายนว่ากลุ่มทุนหน้าใหม่ซึ่งประกอบไปด้วย PCP Partners, พี่น้อง Reuben และ PIF โดยมี อแมนดา สเตฟลีย์ นักธุรกิจหญิงซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการในฐานะ ‘นายหน้า’ ที่ทำหน้าที่ในการเจรจาซื้อขายสโมสรฟุตบอลและอื่นๆ โดยเชื่อมความสัมพันธ์จากกลุ่มทุนในตะวันออกกลางที่เธอคลุกคลีเป็นมือประสาน

โดยกลุ่มทุนดังกล่าวสามารถบรรลุข้อตกลงในการซื้อนิวคาสเซิลต่อจาก ไมค์ แอชลีย์ เจ้าของสโมสรคนปัจจุบันได้ในราคา 300 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ดี การเทกโอเวอร์ครั้งนี้กลับนำไปสู่ปัญหาที่มีการถกเถียงอย่างหนักในแวดวงฟุตบอลเมืองผู้ดีตลอดช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา

ปัญหาใหญ่อยู่ที่ PIF หรือ Public Investment Fund of Saudi Arabia คือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดในโลกนั้นมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นชาติที่มี ‘ปม’ ปัญหาในหลายเรื่องกับสังคมโลก

เรื่องใหญ่ที่สุดคือจดหมายเปิดผนึกของ beIN SPORTS ช่องกีฬาระดับโลกจากประเทศกาตาร์ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลกมากมายทั่วทุกทวีป ซึ่งรวมถึงฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่เป็นหนึ่งในคอนเทนต์กีฬาที่ดีที่สุดในโลกได้ส่งตรงถึงสโมสรฟุตบอลทุกแห่งในพรีเมียร์ลีก

จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมีเนื้อหาคัดค้านการที่กลุ่มทุนซึ่งมาจากซาอุดีอาระเบียจะเข้ามาเทคโอเวอร์หนึ่งในสโมสรพรีเมียร์ลีก ทั้งๆ ที่พวกเขาเองเป็นคนที่ละเมิดลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดอย่างรุนแรงและร้ายกาจที่สุดตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ในสิ่งที่ beIN SPORTS กล่าวถึงนั้นมาจากกรณีปัญหาระหว่างพวกเขากับ beoutQ ช่องกีฬาเถื่อนที่ลักลอบนำสัญญาณการถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลกจากกาตาร์ไปฉายแบบผิดกฎหมายในประเทศแถบตะวันออกกลางอย่างโจ๋งครึ่ม 

beIN SPORTS พยายามจะขอให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียดำเนินการกับช่องกีฬาเถื่อนที่มีต้นกำเนิดในประเทศของพวกเขาเสีย แต่ความพยายามดังกล่าวไม่เป็นผล และในทางตรงกันข้ามดูเหมือนรัฐบาลซาอุดีอาระเบียจะส่งเสริม beoutQ ด้วยซ้ำไป ซึ่งปัญหานั้นเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่เลวร้ายจากความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง

ผลกระทบจากการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ทำให้ช่องกีฬาจากกาตาร์ประสบปัญหาอย่างหนักในเรื่องของรายได้ จนทำให้ต้องมีการปลดพนักงานเป็นจำนวนมาก 

แต่ถึงจะไม่ได้รับความร่วมมือจากซาอุดีอาระเบีย ทาง beIN SPORTS ยังไม่ย่อท้อและพยายามต่อสู้อย่างหนัก โดยขอความร่วมมือจากองค์กรกีฬาทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น FIFA, UEFA, พรีเมียร์ลีก, ลาลีกา ไปจนถึง ATP, WTA เพื่อให้ร่วมมือกันในการกำจัด beoutQ ให้สิ้นซาก

ความพยายามดังกล่าวทำให้วงการกีฬาโลกได้ตระหนักถึงปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นบ้างแต่ยังไม่สามารถดำเนินการอย่างเด็ดขาดได้มากนัก จนกระทั่งมีข่าวการที่ PIF เป็นกองทุนที่อยู่เบื้องหลังการเทกโอเวอร์ทีมนิวคาสเซิล ทำให้ beIN SPORTS พยายามอีกครั้งที่จะขัดขวางเรื่องนี้ให้ได้

เพราะหากปล่อยให้ทุนที่มาจากชาติที่ละเมิดลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกเข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรในพรีเมียร์ลีกได้ พรีเมียร์ลีกจะตอบคำถามเรื่องนี้กับสาธารณะอย่างไร?

นอกเหนือจากเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว ซาอุดีอาระเบียยังเป็นประเทศที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายกาจ และการออกมาเรียกร้องของ ฮาติซ เชงกิซ คู่หมั้นของ จามาล คาช็อกกี อดีตนักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุดีอาระเบียที่ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ให้หยุดยั้งการเทกโอเวอร์ของกลุ่มทุนดังกล่าว

เพราะสิ่งที่ซาอุดีอาระเบียพยายามทำในวงการกีฬาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคือการใช้กีฬาเพื่อชำระล้างชื่อเสียงไม่ดีของประเทศ ด้วยวิธีการที่เรียกว่า Sport Washing

ความพยายามดังกล่าวนำไปสู่การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่สุดขององค์การการค้าโลก (WTO) ที่ระบุว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบียมีส่วนกับการละเมิดลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนไหวของนักการเมืองในอังกฤษ

สุดท้ายพรีเมียร์ลีกตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเสียงคัดค้านนั้นดังและทรงพลังอย่างมาก ทำให้กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติในการเป็นเจ้าของและผู้บริหาร (Fit and proper test) กินระยะเวลาเนิ่นนานกว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก

จากปกติที่ใช้ระยะเวลาราว 2 สัปดาห์หรือไม่เกิน 1 เดือนกลายเป็น 16 สัปดาห์โดยที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องจะจบเมื่อไรและอย่างไร

นั่นนำไปสู่การตัดสินใจถอนข้อเสนอของ PIF ที่ ‘หมดความอดทน’ กับเรื่องนี้ หลังพยายามอย่างยิ่งที่จะชี้แจงต่อทุกฝ่ายว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบียไม่มีส่วนกับเรื่องนี้

ไมค์ แอชลีย์ เจ้าของสโมสรผู้นำแฟนบอลนิวคาสเซิลจมลงสู่ฝันร้ายตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา

น้ำตาสาลิกาดง

การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากการเทกโอเวอร์ครั้งนี้อาจถูกมองว่าเป็นชัยชนะของโลกฟุตบอลที่กีดกันทุนที่ไม่ขาวสะอาดไม่ให้มาแตะต้องและใช้พรีเมียร์ลีกเป็นเครื่องมือ

แต่สำหรับแฟนทีม ‘สาลิกาดง’ แล้วข่าวดังกล่าวคือข่าวร้ายที่พวกเขายากจะทำใจยอมรับได้

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในความรู้สึกของแฟนนิวคาสเซิล พวกเขารอคอยความหวังที่จะมีเจ้าของสโมสรใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนกอบกู้สโมสรอย่างจริงจังมายาวนาน หลังสโมสรอันเป็นที่รักต้องตกอยู่ใต้การบริหารของ ไมค์ แอชลีย์ เจ้าของธุรกิจค้าอุปกรณ์กีฬา Sport Direct มาเป็นเวลาถึง 13 ปี โดยที่ในช่วงเวลาทั้งหมดพวกเขาไม่เคยมีความสุขเลย

แอชลีย์ถูกตั้งสมญาว่าเป็นเจ้าของสโมสรที่เลวร้ายที่สุดด้วยการบริหารแบบไม่บริหาร ไม่มีการลงทุนเพื่ออนาคต ไม่ทำอะไร และไม่สนใจเสียงเพรียกร้องของแฟนๆที่เจ็บปวดแสนสาหัสด้วย

การมาถึงของกองทุนที่นำโดย PIF จึงเป็นเหมือนไฟที่ถูกจุดบนเทียนที่ดับมอดลงมานาน มันทำให้เหล่าแม็กไพส์กำลังฝันถึงการกลับมาเป็นสโมสรระดับชั้นนำ หรืออย่างน้อยเป็นที่เชิดหน้าชูตาได้เหมือนในวันวานอีกครั้ง

โดยที่พวกเขาไม่ได้สนใจในเรื่องเบื้องหลังหรือที่มาที่ไปที่น่ากังขา เพราะสำหรับชาวทูน อาร์มี บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรจะเลวร้ายเท่ากับเจ้าของสโมสรที่ชื่อ ไมค์ แอชลีย์ อีกแล้ว

ข่าวการถอนตัวของทุนจากแดนทะเลทรายทำให้กลุ่มกองเชียร์ Newcastle United Supporters Trust’ ขอคำอธิบายจากพรีเมียร์ลีกว่าอะไรที่เป็นเหตุผลจริงๆ ที่ทำให้การเทกโอเวอร์ประสบปัญหา

ในการสำรวจของกลุ่มพบว่าแฟนสาลิกากว่า 97% ที่เห็นดีกับการเข้ามาเทกโอเวอร์ของกลุ่มทุนใหม่ โดย เกร็ก ทอมลินสัน หนึ่งในตัวแทนกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “พวกเราทุกคนตื่นเต้นกับข้อเสนอและโอกาสในการลงทุนในอนาคตของเมือง การถอนตัวจากการเทกโอเวอร์ของกลุ่มทุนจึงเป็นการเสียโอกาสของเมืองและภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือ

“พวกเราทุกคนสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นเวลาเกือบ 17 สัปดาห์ที่เราไม่รู้อะไรเลย และมันชัดเจนว่าแฟนบอลคือส่วนสำคัญน้อยที่สุดในเรื่องของการตัดสินใจ ทั้งๆ ที่มันกระทบกับพวกเรามากที่สุด”

ขณะที่แฟนบอลอย่าง มิเชลล์ จอร์จ เปิดใจถึงความผิดหวังในครั้งนี้ว่า “มันทำให้แฟนๆ ต้องใจสลาย ในฐานะแฟน พวกเราทุกคนใจสลาย มันอาจจะดูเหมือนละครแต่เราทุกคนเจ็บปวดมาเป็นเวลา 13 ปีภายใต้แอชลีย์ที่แทบจะไม่สนใจและลงทุนกับสโมสร

“ดังนั้น จากข้อเท็จจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและกรอบระยะเวลาที่เกิดขึ้น และข่าวที่ออกมา เรายังมองไม่เห็นภาพที่ชัดเจนทั้งหมด”

ทั้งนี้ ยังไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าพรีเมียร์ลีกจะมีการออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่ทำให้กระบวนการตรวจสอบกินระยะเวลาหรือไม่ นอกจากรายละเอียดที่มีการเผยทางสื่อว่าได้มีการสอบถามในประเด็นต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับการซื้อสโมสร อาทิ เงินทุนมาจากไหน แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน

และถึงแม้จะมีข่าวว่ายังมีนายทุนจากสหรัฐอเมริกาอย่างเฮนรี เมาริสส์ ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนและซื้อนิวคาสเซิลในราคา 350 ล้านปอนด์ แต่บทเรียนที่ผ่านมาทำให้ทูน อาร์มีรู้ว่าพวกเขาไม่ควรจะหวังสูงเกินไป เพราะเคยมีการเจรจาซื้อขายหลายครั้ง และทุกครั้งจบลงด้วยความล้มเหลว

สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือการทำใจ

และหวังว่าสักวันจะมีใครมาช่วยปลดปล่อยนกสาลิกาตัวนี้จากกรงทองของเจ้าของที่แสนใจร้ายเสียที

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

Let's block ads! (Why?)



"พวกเขาทั้งหมด" - Google News
July 31, 2020 at 08:16AM
https://ift.tt/30dRGmv

น้ำตา 'สาลิกาดง' ความเจ็บช้ำของนิวคาสเซิล หลังความหวังครั้งใหม่ดับสูญ - thestandard.co
"พวกเขาทั้งหมด" - Google News
https://ift.tt/2VFpqXR
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3dnz7A2

Bagikan Berita Ini

0 Response to "น้ำตา 'สาลิกาดง' ความเจ็บช้ำของนิวคาสเซิล หลังความหวังครั้งใหม่ดับสูญ - thestandard.co"

Post a Comment

Powered by Blogger.