รีวิว OPPO Reno4 สมาร์ทโฟนที่จะมาปลดล็อกตัวตนที่ดีที่สุดของคุณด้วยการถ่ายภาพที่มีฟีเจอร์ครบครันทั้งการเซลฟี่และกล้องหลัง 4 เลนส์สุดอัจฉริยะ ทั้งยังมีฟีเจอร์ใหม่ใน ColorOS 7.2 ให้ผู้ใช้งานได้ตื่นตาตื่นใจกันอีกด้วย
สรุปสเปค OPPO Reno4
- ขนาดตัวเครื่อง : 160.3 x 73.9 x 7.7 มม.
- น้ำหนัก : 165 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Dual Punch-hole Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 20:9
- หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 720G Octa Core ความเร็ว 2.3GHz
- GPU : Adreno 618
- RAM : 8GB
- ROM : 128GB
- กล้องถ่ายรูปหลัง 4 เลนส์ แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 เซ็นเซอร์ Sony IMX586
- เลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Macro ระบบโฟกัส 4 ซม. ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 เซ็นเซอร์ Sony IMX616
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.2
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4015 mAh รองรับ 30W VOOC Flash Charge 4.0
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
ลวดลายของ OPPO Reno4 ถือว่าทำออกมาได้สวยงามแปลกตาครับ ที่นอกจากจะมีสีเขียวตามแบรนด์ของ OPPO เองแล้ว การเล่นลวดลายบนกล่องยังเขียนคำว่า “RENO” ได้อย่างมีเอกลักษณ์เลยทีเดียว
อุปกรณ์ภายในกล่องมีดังนี้
- ตัวเครื่อง OPPO Reno4
- อะแดปเตอร์ 30W VOOC Flash Charge 4.0
- หูฟัง
- สาย USB Type-C
- เคสใส
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์ของ OPPO Reno4 เรียกได้ว่าเป็นตัวชูโรงอย่างแรกเลยก็ว่าได้ โดยที่วัสดุที่ใช้จะไม่มีความลื่นมือ จับถือได้พอดี ใช้งานในมือเดียวได้ค่อนข้างสะดวก ที่สำคัญลวดลายตัวเครื่องมาแบบ OPPO Monogram พร้อมสีดำ Space Black เมื่อสะท้อนกับแสง ช่วงล่างตัวเครื่องจะมีตัวอักษร “OP” ระยิบระยับบ่งบอกถึงแบรนด์ OPPO ได้อย่างสวยงามสุดๆ ครับ
น้ำหนักของ OPPO Reno4 ถือว่ามีน้ำหนักที่เบาเพียง 165 กรัม และบางสุดๆ ที่ 7.7 มม. สะดวกทั้งการใช้งานทั่วไปและเล่นเกมครับ
หน้าจอแสดงผลของ OPPO Reno4 มาแบบ Dual Punch-hole Display ชนิด AMOLED ที่ฝังกล้องหน้า 1 เลนส์ลงในหน้าจอบริเวณมุมซ้ายบน (อีกเลนส์เป็น AI-enhanced Smart Sensor) ทำให้มีขนาดอยู่ที่ 6.4 นิ้ว พร้อมพื้นที่การแสดงผลถึง 90.7% ทำให้ใช้งานได้เต็มตา ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือภาพยนตร์ใน Netflix และอื่นๆ
เรื่องความสดใสของหน้าจอต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีมาก ด้วยความที่เป็นชนิด AMOLED มี Color gamut 96% NTSC และมีความสว่างจอสูงสุดที่ 409 PPI
มาดูรอบเครื่องกันต่อครับ ที่เหนือหน้าจอแสดงผลมีลำโพงสำหรับสนทนาตรงกลาง โดยมีกล้องหน้า Dual Punch Hole Camera ที่มุมซ้ายบน
ทางซ้ายตัวเครื่องมีทั้งช่องใส่ซิมการ์ด NanoSIM จำนวน 2 ช่อง พร้อมด้วย MicroSD Card อีก 1 ช่อง ถัดลงมาข้างล่างจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ด้านขวามีเพียงปุ่ม Power
ส่วนด้านบนตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างมีทั้งช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก
และสุดท้ายที่ด้านหลังมีกล้องหลัง 4 เลนส์ที่ 3 เลนส์ฝั่งซ้ายมีขนาดเท่ากัน ส่วนอีกเลนส์จะมีขนาดเล็กด้านบน และด้านล่างมีไฟแฟลช LED ครับ
กล้องถ่ายรูป
มาถึงเรื่องที่ชูโรงที่สุดของ OPPO Reno4 ตามคอนเซ็ปต์ “Clearly the best you” ที่ถือว่าจัดเต็มในเรื่องฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาให้เพียบ! โดยกล้องแต่ละเลนส์มีดังตามด้านล่างนี้เลยครับ
กล้องถ่ายรูปหลัง 4 เลนส์ แบ่งเป็น
- เลนส์หลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 เซ็นเซอร์ Sony IMX586
- เลนส์ Ultra Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 เซ็นเซอร์ Sony IMX616
AI Color Portrait เปลี่ยนฉากหลังเป็นขาวดำ
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้กับฟิลเตอร์ที่อยู่ในโหมดภาพถ่ายบุคคลอย่าง AI Color Portrait จะเป็นการไฮไลท์บุคคลให้ยังคงเป็นสีสันอยู่ แต่ฉากหลังจะเปลี่ยนเป็นขาว-ดำทั้งหมด ซึ่งในจุดนี้ต้องชมระบบ AI และเลนส์ Mono ที่ตรวจจับคนได้ดีและรวดเร็วครับ แม้ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือรองเท้าก็ยังไม่ถูกเบลอเป็นขาว-ดำออกไป
ถ่ายกลางคืนพร้อมโบเก้สวยๆ ด้วย Night Flare Portrait
นอกจากที่จะมีฟิลเตอร์ AI Color Portrait แล้ว ในตอนถ่ายภาพบุคคลตอนกลางคืนก็ถือว่าสวยงามเพราะจะมีฟิลเตอร์Night Flare Portrait เบลอฉากหลังพร้อมให้เอฟเฟ็กต์ของแสงดูเป็นประกายมากขึ้นด้วย
เซลฟี่ที่มืดก็ไม่ต้องกลัวเพราะมี Ultra Night Selfie Mode
ใครที่อยู่ในที่แสงน้อยๆ หรือในตอนกลางคืนก็ไม่ต้องกลัวว่าใบหน้าเราจะเบลอไปกับการเซลฟี่ครับ เพราะ OPPO Reno4 ก็มีเซลฟี่โหมดกลางคืน ให้ใบหน้าเราสว่างขึ้นอย่างชัดเจนและไม่เบลอด้วย
โหมดปกติ / Ultra Night Selfie Mode
โหมดปกติ / Ultra Night Selfie Mode
โหมดปกติ / Ultra Night Selfie Mode
คมชัดสูงสุด Ultra Clear 108MP Image
แม้ว่ากล้องหลังของ OPPO Reno4 จะมีเลนส์หลักความละเอียดสูงสุดที่ 48 ล้านพิกเซล แต่ด้วยอัลกอริทึมและ AI ได้เข้ามาช่วยในเรื่องการเก็บความละเอียดของภาพให้ดียิ่งขึ้นทำให้คมชัดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล โดยเมื่อซูมเข้าไป เราจะเห็นว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ยังคงเก็บได้ชัดเจนมากๆ
โหมดปกติ / โหมด Ultra Clear 108 ล้านพิกเซล
AI อัจฉริยะ แค่กดถ่ายก็ได้ภาพสวยงาม
ในเรื่องกล้องของ OPPO Reno4 ต้องบอกเลยว่าแค่ยกขึ้นมาถ่ายก็ได้ภาพที่สวยแล้วครับ โดยเฉพาะเมื่อมี AI เข้ามาเรียนรู้ว่าวัตถุที่เราโฟกัสนั้นคืออะไร ก็ทำให้ AI ช่วยปรับแสงและสีให้เหมาะสมกับแต่ละสิ่ง รวมถึงการถ่ายภาพคนก็ทำได้สวยงามครับ
Ultra-Wide Angle มุมกว้างขั้นสุด เก็บได้ครบทุกมุม
เลนส์ Ultra-Wide Angle ของ OPPO Reno4 ถือว่าให้มุมมกว้างมากๆ ทำให้เราเก็บภาพได้ครบองค์ประกอบ ทั้งบรรยากาศด้านหลัง รวมถึงท้องฟ้าที่ให้ความสวยงามมากขึ้น ไม่ต้องถอยออกไปไกลๆ ส่วนเรื่องความสดใสและสีสันของภาพต้องบอกว่าแทบไม่ต่างจากเลนส์หลักครับ
เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle
เลนส์หลัก / เลนส์ Ultra-Wide Angle
Portrait โดดเด่น ฟีเจอร์ก็จัดเต็ม
ความสุดยอดของกล้อง OPPO Reno4 ในเรื่องการถ่ายภาพบุคคลหรือ Portrait เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ มีการตรวจจับฉากหลังพร้อมกับการเบลอได้รวดเร็วและแม่นยำครับ การตัดขอบตัวบุคคลทำได้ยอดเยี่ยม ที่สำคัญใบหน้าของเราก็ยังสว่างแม้ว่าจะอยู่ในที่แสงน้อยหรือสภาพย้อนแสง
Ultra Dark Mode ถ่ายกลางคืนก็สว่างแม้แสงน้อยสุด
ในโหมด Ultra Dark Mode ของรุ่นนี้ก็ยังคงให้ภาพที่มีความสว่างมากขึ้นในสภาพแสงน้อย ถ้าถ่ายบรรยากาศในตอนกลางคืนตามสถานที่ต่างๆ ต้องชอบแน่นอนครับ ซึ่งแม้ว่าจะอยู่ในห้องนอนมืดๆ เราก็จะเห็นความแตกต่างระหว่างโหมดปกติและ Ultra Dark Mode แน่นอน
ถ่ายได้ใกล้สุดด้วยเลนส์ Macro
มีให้ครบครันสำหรับฟีเจอร์กล้องหลังที่มีโหมด Macro ให้เราถ่ายภาพในระยะใกล้ได้สูงสุดถึง 4 เซนติเมตร ภาพที่ถ่ายออกมายังคงมีสีสันที่สวยงาม พร้อมแสงและเงาคมชัด
กล้องหน้าความละเอียดสูง
จบกล้องหน้าไป กล้องหลังของ OPPO Reno4 ก็จัดเต็มเช่นกันครับ โดยมีความละเอียดสูง ให้เราได้เซลฟี่ตัวเองได้คมชัด พร้อมกับฟีเจอร์ AI Beauty มาให้เพิ่มความเนียนอีกด้วย ใครที่ไปเที่ยวแล้วต้องการเซลฟี่ให้เห็นบรรยากาศด้านหลังก็ทำได้แบบสบายๆ
กล้องหน้า ถ่าย Portrait ก็สวย
กล้องหลังมี Portrait ไปแล้ว การเซลฟี่ก็ทำได้สวยงามไม่แพ้กันครับ ฉากหลังของเราจะเบลอ ทำให้เราดูโดดเด่นมากขึ้นและมีมิติกว่าเดิม
การถ่ายวิดีโอ
สุดท้ายนี้ก็ยังมีโหมด Monochrome Video ที่จะเป็นการจำแนกสีต่างๆ ให้เป็นขาว-ดำ และจะแสดงสีที่เราเลือกเท่านั้น ได้แก่ แดง, เขียว, ฟ้า หรือการคงสภาพสีของรูปถ่ายบุคคล
นอกจากนี้ในเรื่องการถ่ายวิดีโอก็ยังรองรับการถ่าย AI Slow-motion ที่ทำได้สูงสุดถึง 960fps ในความละเอียด 720p รวมถึงความละเอียดอื่นๆ ได้แก่ 480fps@1080P, 240fps@720P และ 120fps@1080P รวมไปถึงการถ่ายSlow-motion ที่กล้องหน้า 240fps@720P และ 120fps@ 1080P
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฎิบัติการ
OPPO Reno4 แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย UI รุ่นล่าสุดของแบรนด์อย่าง ColorOS 7.2 เป็นครั้งแรก ซึ่งการอัปเดทนี้ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้ามาเพียบจริงๆ ครับ
แสดงผลนาฬิกาพร้อมแจ้งเตือนผ่านฟีเจอร์ Alway-on Display
ด้านความที่เป็นหน้าจอ AMOLED ก็ต้องมาพร้อมฟีเจอร์นี้ครับ ที่เป็นการบอกเวลา, วันที่ พร้อมไอคอนการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชั่นต่างๆ
ทั้งนี้ เรายังสามารถปรับสไตล์นาฬิกาได้ทั้งแบบดิจิทัลและแอนะล็อก รวมถึงกำหนดเวลาในการแสดงผลเพื่อไม่ให้แบตเตอรี่ลดเร็วในช่วงกลางคืนครับ
เซ็นเซอร์อัจฉริยะ AI-enhanced Smart Sensor เพิ่มความสะดวกแบบไร้สัมผัส
ในยุคนี้เรียกว่าการไร้สัมผัสต่างๆ ถือว่ามีความปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเข้าสู่เรา ทาง OPPO Reno4 ก็เลยเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ให้เรามาแบบไร้สัมผัสจากเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่ฝังอยู่คู่กับกล้องหน้าครับ
- Smart Spying Prevention : เป็นการป้องกันให้ผู้ที่ชอบแอบดูแจ้งเตือนต่างๆ ของเราไม่เห็นข้อความ จนกว่าเราจะจ้องไปที่หน้าจอ OPPO Reno4 การแสดงผลข้อความก็จะเปิดเผยออกมาอัตโนมัติ
- Smart AirControl : ฟีเจอร์นี้เป็นการไร้สัมผัสของจริงครับ โดยเราสามารถใช้ฝ่ามือควบคุมการเลื่อนหน้าจอแอปพลิเคชั่นโซเชียลต่างๆ รวมถึงการรับสายได้โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอเลยทีเดียว ซึ่งเราสามารถเข้าไปเปิดฟีเจอร์นี้ได้ที่ การตั้งค่า > ท่าทางการเคลื่อนไหว > ฟังก์ชันการทำงานโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ > เปิด “Air Scroll”
- Smart Rotation : ปกติแล้วเมื่อเราเปิดการหมุนหน้าจออัตโนมัติเอาไว้ เมื่อเราเอนลงนอนหน้าจออาจจะหมุนตามได้ ทำให้อ่านข้อความไม่สะดวก แต่ฟีเจอร์นี้จะช่วยคำนวณว่าควรหมุนหน้าจอหรือไม่ตามลักษณะใบหน้าของผู้ใช้งานครับ ถือว่าสะดวกสุดๆ
- หน้าจอ Smart Always-on : ฟีเจอร์นี้เป็นการป้องกันหน้าจอดับลงไปเอง ขณะที่เรากำลังใช้งานอยู่ครับ
ใช้งานมือเดียวง่ายขึ้นด้วยท่าทางการดึงไอคอนลง
เป็นอีกฟีเจอร์ที่สะดวกสุดๆ ครับ หากใครที่ใช้งานอยู่แล้วเอื้อมนิ้วไปเปิดแอปพลิเคชั่นที่อยู่ไกลไม่ถึง เพียงแค่เราเลื่อนขึ้นที่ขอบซ้าย-ขวาในหน้า Home แอปพลิเคชั่นต่างๆ จะย่อส่วนลงเพื่อให้เรากดได้สะดวกมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยทีเดียว
ห้องทดลองใหม่ในแอป OPPO Lab
ใน colorOS 7.2 นั้นเป็นครั้งแรกที่มี OPPO Lab เข้ามาครับ โดยหลักๆ จะมี 2 ฟีเจอร์ให้ทดลองใช้งาน ได้แก่ Lab Ringtone ที่เราสามารถปรับแต่งเสียงริงโทนได้แบบไม่ซ้ำใครตามใจชอบครับ เพียงแค่เลื่อนจุดกลมๆ ไปตามลักษณะที่ต้องการได้เลย และ Decision Spinner ที่เป็นวงล้อตัวเลือกแบบสุ่มตามคำถามและคำตอบที่เราตั้งขึ้นมาเองครับ
Lab Ringtone
Decision Spinner
ถนอมสายตาทั้งตัดแสงสีฟ้าและโหมดกลางคืน
ในเรื่องการถนอมสายตาของหน้าจอ OPPO Reno4 จะมีทั้งแบบการตัดแสงสีฟ้าที่ทำได้ดีมากๆ ครับ ตัดออกไปได้เยอะพอสมควร
ขณะที่โหมดกลางคืนสามารถกำหนดเวลาได้ ที่สำคัญเราสามารถบังคับให้แอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่แม้ว่าจะยังไม่รองรับโหมดกลางคืนใช้ได้ด้วยครับ แต่ก็อาจจะมีการแสดงผลตัวอักษรเพี้ยนๆ อยู่บ้าง
ระบบความปลอดภัย
OPPO Reno4 มีระบบความปลอดภัยแบบครบครัน ทั้งการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่มีความรวดเร็วและเสถียรมากๆ ครับ และจดจำได้ทั้งหมด 5 ลายนิ้วมือ
นอกจากนี้ก็ยังมีการสแกนใบหน้าที่ทำได้รวดเร็วเช่นกัน
ผ่อนคลายความเครียดด้วย OPPO Relax
แอปพลิเคชั่น OPPO Relax นั้นมาพร้อมกับ ColorOS 7.2 เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ผ่อนคลายกับเสียงเพลงต่างๆ โดยจะมีทั้งการหายใจที่ให้ทำตามระบบ, เพลงต่างๆ ที่ทำให้เราสบายมากขึ้น รวมถึงเสียงบรรยากาศธรรมชาติที่ให้มาแบบครบครัน ใครที่กำลังเครียดอะไร ก็ลองใช้แอปพลิเคชั่นนี้ในการผ่อนคลายได้เลย
โคลนแอปได้ง่ายๆ แบ่ง 2 บัญชี
มีมาให้ทุกรุ่นที่ใช้งาน ColorOS ครับ ด้วยการโคลนแอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นบัญชีที่ 2 เช่น Line, IG หรือ Facebook
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
OPPO Reno4 ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G Octa Core ความเร็ว 2.3GHz โดยชิปตัวนี้มีขนาดเล็กเพียง 8 นาโนเมตร ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม และใช้งานได้ไหลลื่น
สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำได้ไปได้ที่ 260,051 คะแนน
ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 526 และคะแนน Multi-Core ที่ 1,661
ฟีเจอร์และทดสอบด้านการเล่นเกม
สำหรับฟีเจอร์ Game Space มีมาทุกรุ่นใน OPPO ครับ เป็นการช่วยเราปรับโหมดการเล่นในรูปแบบต่างๆ ได้ทั้งโหมดแข่งขัน, สมดุล และกำลังไฟฟ้าต่ำ ทั้งยังปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งการโทรเข้าหรือแอปพลิเคชั่นทุกอย่างได้เช่นกันครับ
ทดสอบการเล่นเกม
Call of Duty: Mobile
สำหรับเกม Call of Duty: Mobile สามารถเปิดกราฟิกและเฟรมเรทได้ในระดับ Very High เล่นได้แบบลื่นๆ ทั้งโหมด Frontline และโหมด Battle Royale 100 คน
ROV
เกม ROV ยอดฮิตก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะเปิดกราฟิกและเฟรมเรทได้สูงสุดทั้งหมด ยกเว้นการแสดงผลที่เปิดได้สูงสุดที่ระดับ “สูง” และเมื่อทดสอบในโหมด 5 VS 5 ด้วยความที่เป็นชิป Snapdragon 720G ทำให้เฟรมเรทตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกมนั้นไม่ดรอปลงเลย จะอยู่แบบนิ่งๆ ที่ 60-61fps
Asphalt 9: Legends
ต่อมาเป็นเกม Asphalt 9: Legends สามารถเปิดกราฟิกระดับสูงได้ด้วย ยิ่งเพิ่มความสวยงามให้ทั้งภาพและเงาของเกมให้สมจริงยิ่งขึ้นครับ แถมเล่นได้ลื่นๆ ไม่มีจังหวะสะดุดด้วย
แบตเตอรี่อึดพร้อมชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0
สุดท้ายในเรื่องประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ขึ้นชื่อว่า ก็ต้องจัดเต็มอยู่แล้วครับ โดย OPPO Reno4 มีแบตเตอรี่มาให้ถึง 4015mAh ซึ่งใครที่ใช้งานทั่วไป อย่างเล่นโซเชียลหรือดู YouTube ตามปกติก็สามารถอยู่ได้ตั้งแต่เช้าถึงค่ำครับ แต่ถ้าแบตเตอรี่ใกล้หมด ก็ไม่ต้องรอชาร์จนานเพราะมีเทคโนโลยีชาร์จไว 30W VOOC Flash Charge 4.0 โดยเราลองชาร์ตเมื่อแบตเตอรี่เหลือเพียง 10% ขึ้นไปที่ 60% ในเวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น และเต็ม 100% ในเวลาเพียง 60 นาที
สรุปจุดเด่น
- กล้องหลัง AI ถึง 4 เลนส์ความละเอียดสูง จัดให้ครบทุกฟีเจอร์พร้อมฟิลเตอร์สุดเจ๋งอย่าง AI Color Portrait หรือ Night Flare Portrait
- กล้องหน้าคมชัด 32 ล้านพิกเซล มาพร้อม AI Beauty ที่ให้ใบหน้าสวยงามตามสไตล์ OPPO
- หน้าจอสุดคมชัดแบบ AMOLED กว้างถึง 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ทำให้เสพสื่อได้เต็มอรรถรสและได้ภาพที่สวยงาม
- หน่วยประมวลผลระดับกลางตัวแรง Snapdragon 720G ทำให้ใช้งานทั้งเล่นเกมหรือโซเชียลได้ไหลลื่น
- แบตเตอรี่ให้มาถึง 4015 mAh ใช้งานทั่วไปได้ทั้งวัน แถมรองรับ 30W VOOC Flash Charge 4.0 ชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมงก็เต็ม 100%
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ตัวเครื่องไม่กันน้ำ
OPPO Reno4 เริ่มเปิดพรีออเดอร์แล้วตั้งแต่วันนี้ – 5 สิงหาคม 2563 ในราคาเพียง 11,990 บาทเท่านั้น พร้อมรับของสมนาคุณจาก OPPO อีกเพียบทั้ง OPPO E-VIP CARD ประกันหน้าจอแตกนาน 1 ปี และ OPPO Reno Backpack สุดเท่ มูลค่ารวม 7,490 บาท
"แสดงผล" - Google News
July 29, 2020 at 06:09PM
https://ift.tt/2P4JUVZ
รีวิว OPPO Reno4 สมาร์ทโฟนดีไซน์โดดเด่นในแบบที่ไม่เหมือนใคร ฟีเจอร์จัดเต็ม พร้อมถ่ายรูปสวยแบบครบทุกมุมมอง - iphone-droid.net
"แสดงผล" - Google News
https://ift.tt/3cS0tOw
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3dnz7A2
Bagikan Berita Ini
0 Response to "รีวิว OPPO Reno4 สมาร์ทโฟนดีไซน์โดดเด่นในแบบที่ไม่เหมือนใคร ฟีเจอร์จัดเต็ม พร้อมถ่ายรูปสวยแบบครบทุกมุมมอง - iphone-droid.net"
Post a Comment