อย่างหนึ่งมีชิ้นหลักฐานที่ยืนยันได้อย่างดีว่าแมนฯซิตี้กับลิเวอร์พูลกลายเป็น "คู่ปรับ" คู่ใหม่ประจำยุคนี้เรียบร้อย ก่อนเกมมีแฟนบอลเรือใบหลายสิบชีวิตมารออยู่ด้านนอก พวกเขามากันตั้งแต่ช่วงเย็น พอรถบัสสีแดงที่มีโลโก้หงส์ขับมาเท่านั้นก็พร้อมใจตะเบ็งลำคอ "You're Scouse bastard"
ไม่ใช่แค่นั้นยังมีกองเชียร์ใจกล้าวิ่งไปขวางหน้ารถแถมกางสองแขนเหมือนผู้ใหญ่ห้ามเด็กวิ่งเล่นก่อนที่มีตำรวจเข้ามาจัดการไปตามกฎหมาย
ใช่ครับ บิ๊กแมตช์เมื่อคืนวันพฤหัสฯคล้ายจะไร้ความหมายในเมื่อก็ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกทีมใหม่เรียบร้อย แต้มที่ขาดกระจุยต่อให้ชนะสักสิบลูกก็ไม่มีทางไล่ทันแต่ความจริงมันมีนัยยะซ่อนเร้นอยู่
เริ่มที่ทางเจ้าบ้านซึ่งคนบ้าที่ชื่อ"เป๊ป"ถึงจะออกมายืนเข้าแถวปรบมือเป็นเกียรติให้ก่อนเกมรวมกับลูกทีมทุกคนแต่เขาเองก็พูดหนักแน่นมาว่า"เกมนัดนี้เราต้องพิสูจน์ว่าทำไมถึงเป็นแชมป์เก่าสองสมัย เกมที่เหลืออยู่ก็อาจจะตัดสินถึงอนาคตของนักเตะบางคนอีกด้วย"
เขาเลือกเอาเจ้าหนูฟิล โฟเด้นลงเป็นตัวจริงก่อนหน้าทั้งแบร์นาโด ซิลวาและริยาด มาห์เรซ นั่นก็พอบ่งชี้ได้ว่ายอดโค้ชสายเลือดกาตาลันกำลังคิดอะไรในใจอยู่?
ก็เป็นเกมที่ดาวรุ่งวัย 20ปีผู้มีฉายา"อิเนียสต้าแห่งสตอคพอร์ท"ฉายแววได้โดดเด่นโดยเฉพาะครึ่งแรกที่ทั้งยิงและแอสซิตส์รวมถึงมีส่วนร่วมกับเกมต่อเนื่อง อธิบายให้เห็นภาพบอลที่เซตขึ้นมาของซิตี้ถ้าไม่เป็นเควิน เดอ บรอยน์ก็ต้องโฟเด้นนี่แหละเป็นคนจ่ายได้เสียให้ได้ลุ้น
ส่วนอาคันตุกะจากเมอร์ซี่ยไซด์ต่อให้สมหวังคว้าแชมป์ลีกสูงสุดรอบ30 ปีสำเร็จแล้วแต่พาสชั่นของเจอร์เก้น คล็อปป์ก็ไม่ได้ลดน้อยลง เขาเองก็ย้ำแต่แรกแล้ว "พวกเราต้องการชนะให้ได้ทุกเกมที่เหลือ"
การจัดตัวก็ตอกย้ำแบบนั้นโดย 11 ตัวแรกของลิเวอร์พูลถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดในตอนนี้แต่สกอร์ที่ออกมาถือว่าขาดลอย น้อยคนจะคาดคิดว่าทีมแชมเปี้ยนส์จะย่อยยับมากที่สุดในรอบสามปี ทีมสุดท้ายที่เคยรัวพวกเขาสี่ลูกก็ไม่ใช่ใครอื่น-แมนฯซิตี้ในปี 2017(วันนั้นก็แพ้5-0)
ตลอด 90 นาทีจากเอติฮัดก็ยังทำให้นึกถึงคำกล่าวอมตะขึ้นมา "เป็นแชมป์ว่ายากแล้วแต่ป้องกันแชมป์ยากกว่า"
ไม่กี่วันก่อนคล็อปป์เองก็ให้สัมภาษณ์ด้วยไฟที่คงลุกโชนเต็มตัว"พวกเราจะไม่หยุดแค่นี้ ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะกวาดถ้วยทุกรายการแต่พวกเราต้องการพัฒนาขึ้นไปเพราะว่าทีมอื่นๆก็ย่อมดีขึ้น พวกเราจะจู่โจมเพื่อเอาแชมป์อีกครั้ง ไม่ได้ป้องกัน"
ใครเรียกตัวเองว่า"เดอะ ค็อป"ก็คงหัวใจพองโต
ครับ จบครึ่งแรกสกอร์บอร์ดขึ้นตัวโต 3-0 มีการปรับเกมทันทีโดยโจ โกเมซที่เกมนี้เสียท่าให้ราฮีม สเตอร์ลิ่งสองครั้งและกลายเป็นสองประตูถูกถอดออก คล็อปป์เลือกส่งอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลนแล้วถอยฟาบินโญ่ลงไปเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟแทน
ครึ่งหลังรูปเกมอาจกระเตื้องขึ้นแต่นี่ไม่ใช่ทีมที่กวาดไปแล้ว 86แต้มจาก32 เกมโดยนับรวมรอบสองซีซั่นมา นี่ก็ยังเป็นการปราชัยในลีกเพียงหนที่ 3 ของพวกเขาเท่านั้นหรือ 3 จากทั้งหมด 70 เกม
อีกนั้นแหละคงเลี่ยงที่จะต้องเกิดคำถามไม่ได้ว่าซีซั่นหน้าพวกเขาจะต้องเจองานที่หนักขึ้นแค่ไหนในการรักษาบัลลังก์?? ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามันก็มีเตือนตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา
เชลซีของคาร์โล อันเชล็อตติ(โดนไล่ออกฤดูกาลถัดไป)
แมนฯซิตี้ภายใต้โรแบรโต้ มันชินี่(โดนไล่ออกก่อนจบซีซั่นต่อมา)
แมนฯซิตี้ยุคมานูเอล เปเยร์กินี่(ปีต่อมาจบอันดับสองห่างเชลซี 8 แต้ม)
เชลซีกับภาคสองโชเซ่ มูรินโญ่(เดอะ สเปเชี่ยลวันโดนปลดพอแข่งไปแค่สี่เดือนเท่านั้น)
ตลอดจนถึงเลสเตอร์ของเคลาดิโอ รานิเอรี่หรือว่าเชลซีตอนที่อันโตนิโอ คอนเต้มาทำทีมก็ตาม ทั้งหมดได้ลึกซึ้งแล้วว่าการป้องกันแชมป์ยากแค่ไหน
ประเด็นต่อมาก็ตามที่มีข่าวออกมาตั้งแต่ตอนที่ ติโม แวร์เนอร์ เลือกโผซบอกสิงห์บลูส์แล้วว่าบอร์ดบริหารลิเวอร์พูลจำเป็นต้องจำกัดงบประมาณภายหลังเศรษฐกิจทั่วโลกย่ำแย่จากพิษของไวรัส เรื่องนี้คล็อปป์ก็ได้รับการแจ้งเรียบร้อย เขาเองยังได้รับการบอกด้วยว่าให้เลือกดันดาวรุ่งขึ้นมาใช้ในซีซั่นหน้า
แน่นอนสกอร์หมดรูปสี่ประตูก็มีเหตุผลที่พอมาอ้างได้ก็อยู่ตรงที่บรรดาขุนพลหงส์แดงคงฉลองกันมากไปหน่อยตลอดสัปดาห์แต่ไม่ได้หมายความว่าสามารถละเลยหรือมองข้ามได้เลย
ปัญหาคู่ขาของเวอร์กิล ฟาน ไดค์ ใครกันเหมาะสมที่สุด?? เกมนี้โกเมซสอบตก ส่วนเดยาน ลอฟเรนก็ขึ้นๆลงๆ มีแต่โจเอล มาทิปที่ดูไว้ใจได้มากสุดแต่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับความกดดันที่มากขึ้นหรือเปล่า
ไหนจะรวมถึงขุมกำลังโดยลึกส่วนอื่นๆโดยเฉพาะแนวรุกที่เมื่อหมดจากสามตัวหลักก็จำเป็นต้องมีอะไหล่ที่สามารถเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระได้ยามที่ทีมต้องการ
อีกอย่างซัมเมอร์ที่แล้วแม้พวกเขาจะไม่ได้เสริมใครหนักๆเลยแต่ก็ยังเป็นแชมป์ได้แต่คงไม่มีใครคิดว่าจะซ้ำรอยได้สองซีซั่นติด เมื่อพิจารณาว่าคู่แข่งอื่นๆอย่างเชลซีกับแมนฯยูไนเต็ดก็เริ่มลงตัวมากขึ้น สองทีมนี้ยังไงก็ซื้อแน่ ส่วนเรือใบนั้นไม่ต้องห่วงอยู่แล้ว คนบ้าที่ชื่อเป๊ปไม่มีวันยอมเสียหน้าสองปีซ้อน
"ซิตี้เร็วกว่าพวกเรา พวกเราขาดความคล่องตัวในวันนี้ หากคุณเล่นได้แค่นี้ก็ย่อมมีปัญหาใหญ่แน่เมื่อเจอซิตี้ พวกเรามีโอกาสแต่ทำไม่ได้ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เราต้องเอานำกลับไปทบทวน" คล็อปป์เกาศีรษะกล่าวไว้หลังเกม
ใช่ครับ ต้อง"ทบทวน"ว่าควรเสริมจุดไหนบ้างเมื่อตลาดเปิด
"ไก่ป่า"
Add friend ที่ @Siamsport
"พวกเขาทั้งหมด" - Google News
July 03, 2020 at 07:04AM
https://ift.tt/3dZrJux
ลิเวอร์พูลต้องซื้อ - สยามกีฬา
"พวกเขาทั้งหมด" - Google News
https://ift.tt/2VFpqXR
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3dnz7A2
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ลิเวอร์พูลต้องซื้อ - สยามกีฬา"
Post a Comment