อาร์เซน่อล ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพได้สำเร็จหลังได้สองประตูของ โอบาเมย็อง พาทีมคว้าชัยชนะเหนือ แมนฯซิตี้ ถือเป็นเกมที่ต้องยอมรับว่า มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ "ปืนใหญ่" ทำการบ้านมาดีมากหลังจากที่เคยพ่ายแพ้ให้ แมนฯซิตี้ ถึง 3-0 เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ลูกทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า โชว์ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานเป็นเหตุให้ต้องอกหักตกรอบไปในที่สุด เราพาทุกท่านมาเก็บตกประเด็นที่น่าสนใจในเกมนี้กัน
1.ลุยซ์แก้ตัวสำเร็จ
นี่ถือเป็นเกมที่ ดาวิด ลุยซ์ หมายมั่นปั้นมือว่าจะแก้ตัวให้ได้หลังจากการเจอกันครั้งที่แล้วเจ้าตัวดันไปก่อวีรกรรมทำพลาดจนเสียประตูก่อนทำทีมเสียจุดโทษและโดนใบแดง เรียกได้ว่าเป็นคืนฝันร้ายของเขาก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้า คงกำชับกองหลังบราซิลเลี่ยนรายนี้เป็นพิเศษประกอบกับฟอร์มในช่วงหลังมานี้ของเจ้าตัวกระเตื้องขึ้นมามากทีเดียว ดังนั้นไม่แปลกใจที่เราจะเห็นเขาทำผลงานได้ดีในการป้องกันเกมรุกของ แมนฯ ซิตี้ เขายืนเป็นหัวใจในแนวรับให้กับทีม เอาชนะลูกกลางอากาศทั้งหมด เคลียร์บอลทุกลูกครอส บล็อคลูกยิงจ่อๆของ สเตอร์ลิง และแทบไม่ยอมให้ กาเบรียล เชซุส สัมผัสบอลเลย
นอกจากเรื่องเกมรับแล้วเกมนี้ยังมีจังหวะที่เขาแทงบอลคิลเลอร์พาสให้ โอบาย็อง หลุดเดี่ยวแต่น่าเสียดายไม่ได้แอสซิสต์ เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง whoscored ยกให้เขาเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ด้วยเรตติ้ง 8.33 พร้อมกับสถิติยอดเยี่ยมอย่างการตัดบอล 4 ครั้ง, เคลียร์บอล 11 ครั้ง และบล็อคลูกยิง 1 ครั้ง
2.เพชรฆาตโอบา
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ยังคงเป็นนักเตะที่ไว้ใจได้ในเรื่องการจบสกอร์ ในพรีเมียร์ลีกเขาสังหารประตูทั้งหมด 20 ลูกรั้งอันดับ 2 ดาวซัลโวเป็นรองเพียงแค่ เจมี่ วาร์ดี้ (23 ประตูเท่านั้น) และเกมนี้เขาก็แผลงฤทธิ์อีกครั้งโดยการใช้โอกาสยิงตรงกรอบ 3 ครั้งเปลี่ยนเป็น 2 ประตู
สองประตูนี้ทำให้เขายิงให้อาร์เซน่อลรวมทุกรายการ 66 ประตูนับตั้งแต่เดบิวต์กับ “เดอะ กันเนอร์ส” ในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งมีเพียง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (68 ประตู) ที่ยิงมากกว่าเขาในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะอาร์เซน่อลคนที่ 4 ที่ยิงประตูเบิ้ลที่สนามเวมบลีย์ต่อจาก เร็ก ลูอิส (1950 เอฟเอ คัพรอบชิงฯ), ชาร์ลี นิโคลัส (1987 ลีก คัพรอบชิงฯ) และอเล็กซิส ซานเชซ (2015 เอฟเอ คัพ รอบรองฯ)
อาร์เตต้า คงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งกองหน้ากาบ็องคนนี้ให้ได้เพราะเขาถือเป็นศูนย์กลางในการสร้างทีมยุคใหม่ สัญญาของเขาจะหมดลงในซัมเมอร์ปีหน้าและดูเหมือนตอนนี้เริ่มมีทิศทางบวกมากขึ้นกับการต่อสัญญาฉบับใหม่ และแน่นอนว่าแชมป์ เอฟเอ คัพถ้วยนี้อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ยิ่งทำให้เจ้าตัวจรดปากกาอยู่ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมต่อ
3.แนวรุกเรือน่าผิดหวัง
เป็นอีกนัดในฤดูกาลนี้ที่ แมนฯ ซิตี้ ครองบอลอยู่แทบทั้งเกมแต่จบสกอร์คู่แข่งไม่ได้เสียที ในช่วง 20 นาทีแรก สถิติขึ้นมาโชว์ให้เห็นว่าทีมครองบอลถึง 91 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ครึ่งหลังกล้องถ่ายทอดสดก็แทบล็อคอยู่ทางฝั่งอาร์เซน่อลตลอด แต่พวกเขาเจาะกำแพงแนวรับไม่ได้เอง
จบเกมนี้พวกเขามีโอกาสยิงมากถึง 16 ครั้งแต่ยิงตรงกรอบประตูเพียงแค่หนเดียวในเกมเท่านั้น ผิดกับ อาร์เซน่อล ที่มีโอกาส 4 ครั้งเข้ากรอบประตูทั้งหมด เป็นผลงานสุดน่าผิดหวังของแนวรุก “เรือใบ” ราฮีม สเตอร์ลิง เพิ่งจะยิงแฮตทริกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เกมนี้เขาทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานและปล่อยโอกาสทองหลุดไปหลายครั้ง ขณะที่ กาเบรียล เชซุส ยังฝากผีฝากไข้ไม่ได้ในเกมใหญ่ไม่เหมือนกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ ส่วน ริยาด มาห์เรซ มีโอกาสยิงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ความคงเส้นคงวาเป็นสิ่งสำคัญและสิ่งนี้ทำให้พวกเขาเสียแชมป์ให้กับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงจะเป็นปัญหาชัดเจนแล้วและการที่พวกเขารอดพ้นโทษแบนจากการเล่น ชปล. น่าจะเป็นแรงกระตุ้นที่ดีในการเสริมแกร่งทั้งแนวรุกและแนวรับหลังจบฤดูกาล
4.ในมิเกล อาร์เตต้า, เราเชื่อ
ไม่ว่า อาร์เซน่อล จะคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ หรือไม่, ไม่ว่าพวกเขาจะได้ตั๋วฟุตบอลยุโรปหรือไม่, ไม่ว่าพวกเขาจะเจอผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ในสัปดาห์สุดท้ายของพรีเมียร์ลีกหรือไม่ แต่มีสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้จากฤดูกาลที่ย่ำแย่นี้ นั่นคือ “ในมิเกล อาร์เตต้า, เราเชื่อ”
จากเรื่องแท็คติกในสนามจนถึงการวางตัวกับสื่อต่างๆ อาร์เตต้า ค่อยๆพัฒนาขึ้นมานับตั้งแต่เข้ามาเป็นกุนซืออาร์เซน่อลเมื่อ 6 เดือนก่อน นักเตะที่เขาเลือกใช้ในทีมชุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างทีมในอนาคต และต้องชมระบบการเล่นที่เขาเลือกใช้ รวมถึงแท็คติกต่างๆไม่ว่าจะเป็นการใช้ เอนส์ลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส, การขยับ คีแรน เทียร์นี่ย์ เข้ามาเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็ก หรือ การใช้ ลากาแซตต์ เผาเครื่องกุนโดกัน ในเกมนี้ เป็นแท็คติกที่สมควรได้รับคำชม
แฟนบอลสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของนักเตะและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทีม แม้ว่าอาร์เซน่อลจะยังห่างจากคำว่าเพอร์เฟคและยังมีระยะห่างระหว่าง แมนฯซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล อยู่มาก แต่เราเห็นแล้วว่านักเตะเชื่อในอาร์เตต้า คุณจะเห็นได้จากการกระทำหรือการเล่นของนักเตะปืนใหญ่ หลังจากนี้เราคงต้องดูจนถึงจบซีซั่น แต่สิ่งที่เป็นผลลัพธ์สำหรับฤดูกาลนี้แบบเห็นได้ชัดคือ อาร์เซน่อล ยังมีความหวัง!
5.ปืนล่าแชมป์ เรือรอชปล.
ฤดูกาลนี้ แมนฯซิตี้ เป็นอันต้องตกรอบเอฟเอ คัพและเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกด้วย แต่พวกเขายังมีถ้วยลีก คัพ ปลอบใจและยังมีการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รออยู่ในเดือนหน้า ทัพ “เรือใบ” พยายามโรเตชั่นนักเตะนับตั้งแต่ลีกกลับมารีสตาร์ทเพื่อให้มั่นใจว่าลูกทีมของ “เป๊ป” จะฟิตพอสำหรับฟุตบอลถ้วย แต่เกมนี้ถือเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวัง คงต้องรอดูกันต่อไปว่าในเกมเลกสองกับ เรอัล มาดริด ซิตี้จะกลับมาสู่มาตรฐานเดิมได้หรือไม่
ด้าน “ปืนใหญ่” พวกเขามีโอกาสที่จะคว้าแชมป์แรกในรอบ 3 ปี อาร์เซน่อลยังคงเป็นเจ้าของฟุตบอลรายการนี้เช่นเดิมด้วยสถิติแชมป์ 13 สมัยสูงสุดในประเทศ และนี่ถือเป็นการเข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ครั้งที่ 8 ใน 20 ปีหลัง โดยตั้งแต่เปลี่ยนศตวรรษมาพวกเขาซิวแชมป์ในปี 2002, 2003, 2005, 2014, 2015, 2017 ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาแพ้ในรอบชิงชนะเลิศคือการพ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล ในปี 2001 สถิติในรอบชิงดีแบบนี้มีโอกาสมากทีเดียวที่พวกเขาจะซิวแชมป์ มารอลุ้นกันในวันที่ 1 สิงหาคม นี้
Getty Images
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]
"พวกเขาทั้งหมด" - Google News
July 19, 2020 at 06:07AM
https://ift.tt/2ZJnLTg
ลุยซ์องค์ลง! ผ่า 5 ประเด็นเด็ดอาร์เซน่อลทุบแมนซิตี้ทะลุชิงเอฟเอคัพ - สยามกีฬา
"พวกเขาทั้งหมด" - Google News
https://ift.tt/2VFpqXR
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3dnz7A2
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ลุยซ์องค์ลง! ผ่า 5 ประเด็นเด็ดอาร์เซน่อลทุบแมนซิตี้ทะลุชิงเอฟเอคัพ - สยามกีฬา"
Post a Comment