จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะ “ประชาชน” ภาคมนุษย์เงินเดือน ที่ได้รับผลกระทบจากที่บริษัทขาดรายได้ ทำให้บริษัทหาทางออกด้วยการลดต้นทุน เช่น ลดเงินเดือน ลดค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ ลง ซึ่งในวันนี้ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ได้รวบรวมข้อมูล ภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จนต้องปิดกิจการ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยภาวะสังคมไตรมาส 1/63 ว่า ประเทศไทยมีแรงงาน 37.4 ล้านคน ลดลง 0.7% จากปีก่อน โดยไตรมาสนี้โควิด-19 ยังไม่แสดงผลกระทบมากนัก เห็นได้จากสถานประกอบการขอใช้มาตรา 75 เพื่อหยุดกิจการชั่วคราว 570 แห่ง โดยมีแรงงานต้องหยุดงาน แต่ยังได้เงินเดือนราว 1.2 แสนคน คาดว่าไตรมาส 2 จะมีเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.9 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 1.03% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 0.92%
อย่างไรก็ตาม จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 คาดว่า จะเพิ่มความเสี่ยงการถูกเลิกจ้างในไทยราว 8.4 ล้านคน โดยอาจจะเห็นการเคลื่อนย้ายแรงงาน เช่น ย้ายสาขา ย้ายงาน ฯลฯ โดยกลุ่มที่เสี่ยงเลิกจ้างประกอบด้วย
ภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะได้รับผลกระทบ 2.5 ล้านคน จากแรงงานรวมที่มีอยู่ 3.9 ล้านคน , ภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะได้รับผลกระทบ 1.5 ล้านคน จากแรงงานทั้งหมด 5.9 ล้านคน ภาคบริการอื่นที่ไม่ใช่ท่องเที่ยว เช่น สถานศึกษา โรงเรียนกวดวิชา ตลาดสด ห้าง คาดว่าได้รับผลกระทบ 4.8 ล้านคน จากแรงงานทั้งหมด 10.3 ล้านคน และ ในส่วนภาคเกษตร คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งรวม 6 ล้านคน แบ่งเป็นในพื้นที่ที่เกิดภัยแล้ง 3.9 ล้านคน และ พื้นที่อื่น ๆ 2.1 ล้านคน
ดังนั้นปี 2563 คาดว่า เมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลงจะส่งผลให้การจ้างงานกลับมา และ ทำให้ภาพรวมทั้งปี 2563 มีการเลิกจ้างรวม 2 ล้านคน คิดเป็น 3-4% ของการจ้างงงานในไทยทั้งหมด ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยการเลิกจ้างเดิมที่อยู่ราว 3-4 แสนคนต่อปี หรือ ราว 1% อย่างไรก็ตาม มองว่าการเลิกจ้างราว 2 ล้านคนถือว่าใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตปี 2540
โดยจากสถานการณ์ที่ต้องจับตามอง คือ กลุ่มเด็กจบการศึกษาใหม่ในปีนี้ 5.2 แสนคนอาจจะไม่มีตำแหน่งรองรับได้ทั้งหมดจึงต้องมีมาตรการสร้างงาน และ จ้างงาน โดยมองว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาสหางาน เพราะมีทักษะด้านดิจิทัล ซึ่งอาจจะทำงานในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น การเก็บข้อมูลด้านดิจิทัล แต่โครงการจากเงินกู้ก็ไม่สามารถจ้างงานได้ทั้งหมด
กระทรวงพาณิชย์ รายงานยกเลิกกิจการล่าสุดเดือนเม.ย.รวม 817 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรือ SME ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ โรงแรม บริการจัดการ และ พัฒนาโรงแรมทั้งอาคารที่พักอาศัย , ภัตตาคาร ร้านอาหาร บาร์ ไนท์คลับ , ธุรกิจผลิต และ จำหน่ายซีเมนต์ และสินค้าวัสดุก่อสร้างครบวงจร ซึ่งธุรกิจดังกล่าวกระจายตัวไปทั่วประเทศ ไม่ได้จุกตัวที่กรุงเทพฯ แต่เพียงที่เดียว
10 บริษัทที่ปิดกิจการ
บริษัท เรดทิวลิปโฮลดิ้งส์ จำกัด
เจ้าของ “บันยัน เดอะ รีสอร์ท” ประกาศปิดกิจการ และ เลิกจ้างพนักงานในส่วนของกิจการโรงแรม และ ภัตตาคาร เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ โรงแรมที่อยู่ในภาวะซบเซาทำให้บริษัทขาดทุนสะสมหลายปี ซึ่งบริษัทขอยึดถือวันที่ติดประกาศในวันที่ 28 มกราคม 2563 เป็นวันแรกที่แจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้า และ ให้การเลิกจ้างมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
บริษัท ปราณบุรี บีช รีสอร์ท จำกัด
เจ้าของ “โรงแรมเอวาซอน หัวหิน” ประกาศปิดกิจการโรงแรมเอวาซอน หัวหิน และ เลิกจ้างพนักงานทุกท่านที่ปฏิบัติงานภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ปราณบุรี บีช รีสอร์ท จำกัด สำหรับเหตุผล และ ความจำเป็นของการปิดกิจการ และ การเลิกจ้างพนักงานครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ภาวะโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดเป็นจำนวนมาก และ มากขึ้นตามลำดับ ทั้งใน และ ต่างประเทศ จนต้องปิดประเทศ และ ห้ามคนเข้าประเทศจากทุกยานพาหนะ ทุกด่านสถานการณ์ดังกล่าว มีผลทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมชะลอตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทางมากกว่าที่คาดคิดโรคไวรัสโควิด-19 เป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจการโรงแรมเอวาซอน หัวหิน ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ท่องเที่ยว ทำให้บริษัทประสบภาวะขาดทุนสะสม ขาดสภาพคล่องทางการเงินถึงขั้นวิกฤติ จนไม่สามารถประกอบกิจการต่อไปได้ และ มีความจำเป็นต้องปิดกิจการโรงแรมเอวาซอนหัวหิน ในวันที่ 30 เมษายน 2563 และ เลิกจ้างพนักงานทั้งหมด โดยถือเอาวันที่ปิดประกาศนี้ วันที่ 30 มีนาคม 2563 เป็นวันที่แจ้งบอกเลิกพนักงานทุกท่าน โดยการจ้างจะสิ้นสุดลงวันที่ 30 เมษายน 2563
โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ผู้บริหาร โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ส่งจดหมายถึงพนักงานทุกคน แจ้งให้ทราบว่า จะปิดโรงแรม เนื่องจากเหตุสุดวิสัย โดยจดหมายดังกล่าวระบุว่า สืบเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อโรงแรมอย่างรุนแรง จนทำให้โรงแรมไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ จึงจำเป็นต้องปิดการดำเนินกิจการของโรงแรม
แกรนด์ สวิส โฮเทล
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมา บริษัท สุขุมวิทซอย 11 จำกัด เจ้าของโรงแรม Grand Swiss Hotel บริเวณ ถ.สุขุมวิท ทำหนังสือลงนาม โดยนายสมศักดิ์ ศรีคุรุวาฬ ผู้อำนวยการบริษัทฯ แจ้งพนักงานภายในบริษัทฯทุกรายว่า เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กำลังกระจายตัวอย่างต่อเนื่อง และ ไม่มีท่าทีว่าจะสงบในเร็ว ๆ นี้ จึงส่งผลต่อธุรกิจอุตสาหกรรมโรงแรมของบริษัทฯ รวมถึงธุรกิจโรงแรมทั่วโลกในขณะนี้
บริษัทฯพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะดำเนินธุรกิจโรงแรมต่อในช่วงนี้ เพราะจำนวนผู้เข้าพักโรงแรม และ ทั่วโลกกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง และ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ บริษัทฯมองไม่เห็นวิธีการที่จะแก้ไขปัญหา นอกจากจะปิดกิจการโรงแรมชั่วคราว บางส่วน หรือทั้ งหมด โดยเริ่มนับตั้งแต่ 27 มี.ค. 2563 เป็นต้นไป จนกว่าธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะเข้าสู่ภาวะปกติ
บริษัท เอสเอ็มอีที จำกัด
เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในโทรศัพท์มือถือ และ คอมพิวเตอร์ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (เฟส 2) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เนื่องด้วยปัญหาภาวะเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาด COVID 19 ที่ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และ ไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อใดเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบโดยตรง และ ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ
ดังนั้น จึงขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทจำเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราว และ เลิกจ้างพนักงานตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป โดยพนักงานจะพ้นสภาพ ทำงานวันสุดท้ายวันที่ 20 พฤษภาคม นี้
บริษัท ซีก้า นิว แมททีเรียลส์ (ประเทศไทย)
ดำเนินกิจการหลอมแร่ควอทซ์เพื่อทำซิลิคอนเมททอล ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมทั้งยุโรป ประกาศปิดตัวลง ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.63 โดยที่คนงานทั้งหมดไม่รู้ตัวมาก่อน ทำให้ทุกคนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่บริษัทจะปิดตัวลงทางบริษัทได้จ่ายเงินเดือนให้กับคนงานทุกคนหมดแล้ว ยกเว้นค่าชดเชยการว่างงาน
คุ้มขันโตก
ร้านอาหารแบบขันโตกชื่อดังในเชียงใหม่ เปิดบริการเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2543 ก่อตั้ง โดย คุณวัชระ ตันตรานนท์ โดยได้ออกประกาศแจ้งหยุดประกอบกิจการ และ เลิกจ้างพนักงานทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 63 หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง
มีความจำเป็นที่จะต้องลดกำลังการผลิตลง โดยปิดสายการผลิตโรงงาน 1 ทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63 เป็นต้นไป และ จากการปิดสายการผลิตนี้ บริษัทจำเป็นต้องลดกำลังคนในสายการผลิตโรงงาน 1 และ สายงานสนับสนุนทั้งหมด
บริษัท สยามนิตติ้งโปรดักส์ จำกัด
ผลิตเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายสตรี เช่น ห่วงคาดผม โบว์รัดผม ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มีพนักงานทั้งสิ้น 148 คน ก็ได้ปิดกิจการลงเช่นกัน หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด - 19
บริษัท โมโน มิวสิค จำกัด
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยที่ผ่านมามีการชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน รวมไปถึงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดย บริษัท โมโน มิวสิค จำกัด เป็นบริษัทในเครือ โมโน กรุ๊ป จึงมีมติเห็นชอบในการหยุดการดำเนินธุรกิจ และ ยุติบทบาทการทำงานทั้งหมดของบริษัท
จะเห็นว่า “โควิด-19” ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงภาคธุรกิจเท่านั้น แต่สะเทือนถึง “ประชาชน” ที่เป็น ”มนุษย์เงินเดือน” หรือ “เจ้าของกิจการ” นี่แค่เริ่มต้น เราก็เห็นการล้มหายตายจากไปรายหลาย และ ถ้าหากสถานการณ์ยังยาวนาน “คนตกงาน” ก็จะมีมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

0 Response to "โควิด-19 กระทบภาคธุรกิจและแรงงานแค่ไหน - efinanceThai"
Post a Comment