เทคโนโลยี Multibeam LED ที่ Mercedes ติดตั้งใช้กับรถยนต์ในตระกูล E-Class รุ่นสูงสุดนั้น ได้รับรางวัล Red Dot Award ซึ่งเป็นรางวัลระดับโลกด้านการออกแบบ โดยรางวัลนี้ถือเป็นเครื่องรับรองถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบให้เพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างโดยไม่ไปรบกวนรถยนต์คันอื่น นวัตกรรมล้ำสมัยและคุณภาพในการผลิตถูกบรรจุอยู่ในไฟหน้าแบบ Multibeam LED เป็นก้าวสำคัญทางวิศวกรรมยานยนต์ โดยโคมไฟหน้าแต่ละโคมจะประกอบด้วยหลอด LED ประสิทธิภาพสูงจำนวน 84 หลอดที่ทำงานเป็นอิสระ ชุดไฟหน้าสามารถส่องถนนข้างหน้ารถได้โดยอัตโนมัติ โดยมีระดับความเข้มของแสงจากหลอดไฟ LED ที่ปรับความสว่างให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ไม่รบกวนสายตาของผู้ขับรถยนต์คันอื่น เทคโนโลยีไฟหน้า Multibeam LED สะท้อนให้เห็นถึงคุณลักษณะของรถยนต์ตระกูล New E-Class ที่ล้ำสมัยและมีความอัจฉริยะในด้านการทำงาน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการเรียงตัวของชุดไฟสำหรับการขับขี่ตอนกลางวันที่มีลักษณะโค้งเป็นวงคล้ายคิ้วของมนุษย์ รวมไปถึงการประกอบชุดโคมไฟโดยใช้วัสดุคุณภาพสูง ระบบไฟของรถรุ่นนี้มีการทำงานร่วมกันถึงสามแกนหลักๆ คือ องศาของพวงมาลัย เซนเซอร์ตรวจจับด้านหน้าและกล้อง โดยระบบจะปรับระดับความสูงของไฟ รวมถึงแบ่งช่องลดความแรงของไฟขณะที่มีรถวิ่งสวนมาในแบบอัตโนมัติ เพื่อไม่ทำให้ไฟหน้าไปแยงตา แต่ยังคงความสว่างในส่วนที่ไม่ส่องหรือแยงตารถคันอื่น การปรับไฟแบบอัตโนมัติทั้งความเข้มและทิศทางของแสง ยังครอบคลุมสภาพเวดล้อมต่างๆ รวมถึงอุณหภูมิและสภาพอากาศ สำหรับไฟท้ายมีการออกแบบหลอด LED ใหม่ เพื่อให้แสงสว่างที่คมชัด แถมยังปรับระดับความแรงของแสงไฟท้ายและไฟเบรกแบบอัตโนมัติ เพื่อไม่ทำให้รบกวนรถยนต์คันอื่นๆ ขณะติดสัญญาณไฟจราจร
Mercedes-Benz New E-Class E300e AMG Dynamic กับไฟหน้าประสิทธิภาพสูง เป็นเทคโนโลยีระบบส่องสว่างแบบใหม่ล่าสุด ฟังก์ชั่นไฟหน้าจะถูกจัดกลุ่มภายใต้เลนส์พลาสติกใสแจ๋ว ทำจากโพลีคาร์บอเนตที่ให้ความคมชัดและป้องกันริ้วรอยด้วยการเคลือบสารป้องกันรอยขีดข่วน เพื่อความคงทน ไฟท้ายชิ้นเดียวที่มีการออกแบบกรอบไฟใหม่ รูปแบบและลักษณะของไฟท้ายมีการปรับปรุงแสงสว่างที่ไม่รบกวนรถด้านหลัง ไฟท้ายแบบใหม่ถูกออกแบบให้เป็นไฮไลต์ของตัวรถ ด้วยการเพิ่มเติมรายละเอียดภายในของไฟท้าย โดยทำออกมาคล้ายกับละอองดาวในทางช้างเผือก จากการเรืองแสงของเทคโนโลยีสะท้อนแสงล่าสุด ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีโครงสร้างพื้นผิวแปลกแยกจากไฟท้ายแบบปกติ แสงด้านหลังจากไฟท้ายใช้เทคโนโลยี LED ทั้งหมด ในแง่ของความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น ความเข้มของแสงไฟจากหลอดไฟเบรก ตัวชี้วัดทิศทางในระบบสัญญาณไฟเลี้ยวให้ความคมชัดที่แตกต่างกันระหว่างกลางวันและกลางคืน
ด้านข้างไหลลื่น จากการออกแบบความลาดเอียงที่กลมกลืนของเสาหน้าที่ถูกรีดจนเรียวเล็ก หลังคา Panoramic Roof แบบสองโซน ทำจากกระจกสีเข้ม กระจกบานประตูล้อมกรอบด้วยวัสดุโครเมียมสีเงิน มือจับที่เปิดประตูแบบทูโทนทั้งงานโครเมียมและสีตัวถังบนมือจับประตูทำออกมาได้อย่างประณีต เส้นด้านข้างตัวถังลากจากแก้มข้างด้านหน้าไปจนถึงขอบของไฟท้าย ล้ออัลลอย AMG ลาย 5 ก้านคู่ ขอบ 19 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง Michelin Primacy 3 ZP ยางหน้าไซส์ 245/40R19 ยางหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนใหญ่ขึ้นมาอีกนิดที่ 275/35R19 ข้อดีของยางรุ่นนี้ก็คือ ความนิ่มนวล ลายดอกยางเน้นความนุ่มเงียบและการรีดน้ำที่เหมาะสมกับสปีดความเร็ว คาร์ลิปเปอร์เบรกหน้าแบบ 4 พอต สีเงินมีอักษร Mercedses-Benz พ่นอยู่บนคาร์ลิปเปอร์ พร้อมกับจานเบรกเจาะรูระบายความร้อนในเวอร์ชั่น AMG
เมื่อเทียบกับ E-Class โฉมที่แล้ว ตัวถังของ New E-Class มีความยาวเพิ่มขึ้นโดยมีระยะฐานล้อยาวขึ้นเล็กน้อย 2,939 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้น 65 มิลลิเมตร (รุ่นที่แล้ว 2,874 มิลลิเมตร) ความยาวตัวถังโดยรวม 4,923 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 43 มิลลิเมตร (รุ่นที่แล้ว 4,880 มิลลิเมตร) สัดส่วนของความยาวที่เพิ่มเข้ามา ส่งผลให้พื้นที่ใช้สอยของผู้โดยสารทั้งหมดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ในส่วนของการวางเท้า พื้นที่ความกว้างเพิ่มขึ้น 20 มิลลิเมตร ที่ด้านหน้า และ 7 มิลลิเมตร ที่ด้านหลัง ความกว้างตัวรถอยู่ที่ 1,852 มิลลิเมตร ส่วนความสูงอยู่ที่ 1,468 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงก์ที่สั้นลง ฝากระโปรงหน้าที่ยื่นยาว และการวางเส้นสายของแนวหลังคาที่โค้งมนสไตล์รถคูเป้ (คล้าย CLS) การทอดตัวเป็นเส้นโค้งของผืนหลังคา ลากจากเสาหน้าไปจนถึงเสาท้ายอย่างลงตัวและกลมกลืนทั่วทั้งคัน ส่งผลให้เรือนร่างของ E300e มีความสง่างามน่ามองไม่ว่าจะเคลื่อนที่หรือจอดอยู่นิ่งๆ
บั้นท้ายเรียบหรู ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์ใต้ท้องรถเพื่อคอยอำนวยความสะดวกขณะขนของด้วยการใช้เท้ากวาดใต้ฝาท้าย ไฟท้ายที่คล้ายกับ C-Class ให้ความสว่างและคมชัด ทั้งไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรกและไฟถอย ท่อระบายไอเสียกับกันชนหลังของ AMG เชื่อมโยงเส้นสายอย่างลงตัว การเสียบปลั๊กชาร์จไฟมีตำแหน่งที่แตกต่างไปจาก BMW 530e ซึ่งใช้ตำแหน่งบริเวณแก้มข้างด้านซ้าย ส่วน Mercedes-Benz นั้น จะอยู่ที่กันชนหลังด้านขวาเป็นหลัก
งานตกแต่งภายในที่โดดเด่นของ E-Class W213 รุ่น E300e AMG Dynamic คันทดสอบ เต็มไปด้วยความหรูและอุปกรณ์ไฮเทคที่ช่วยเสริมการขับใช้งานหรือนั่งโดยสารให้มีความสบายและความปลอดภัยควบคู่กันไป น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ออปชั่นระบบนำทางด้วยดาวเทียมที่คมชัดของมันถูกตัดออกไป ทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มถ้าอยากติดตั้งเอาไว้ใช้งาน ท่ามกลางวัสดุหรูหราราคาแพงที่ประดับประดาอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสารของเจ้า E รุ่นล่าสุด เป็นการสื่อให้เห็นถึงปรัชญาการออกแบบตกแต่งภายในของค่ายตราดาว โดยมีการกำหนดรูปแบบที่มีความแตกต่างกันออกไประหว่างโมเดลในแต่ละรุ่น แดชบอร์ดคอนโซลขนาดใหญ่ ประดับตกแต่งด้วยวัสดุคล้ายคาร์บอนไฟเบอร์ หน้าจอแสดงผลใหญ่โตตามสไตล์ New E-Class โดยมีขนาดความยาวมากถึง 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกันระหว่างมาตรวัด TFT LCD กับจอมอนิเตอร์ส่วนกลาง มาตรวัดแบบดิจิตอล สามารถปรับตั้งได้ 3 รูปแบบ (Classic / Sport / Progressive) ผ่านการแสดงผลด้วยจอ TFT LCD หรือ Thin film transistor คล้ายกับมาตรวัดของ Mercedes Benz New S-Class และ CLS-Class ซึ่งแสดงผลด้วยภาพกราฟิกที่มีความคมชัดสูง
การสร้างองค์ประกอบหลักที่เน้นลักษณะของการใช้งาน ด้วยการออกแบบแดชบอร์ดขนาดใหญ่ กลายเป็นแนวทางหลักของการออกแบบตกแต่งภายในสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ไซส์กลางของแบรนด์ตราดาว แผงหน้าปัดหน้าจอกว้างเชื่อมโยงจอมอนิเตอร์กลาง โดยมีจอภาพมาตรวัดขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับจอแสดงผลส่วนกลางเหนือคอนโซล ผู้ขับสามารถเลือกรูปแบบของหน้าปัดมาตรวัดได้สามรูปแบบ เช่น Classic / Sport และ Progressive หรือปรับแต่งการแสดงผลด้วยการนำเอาระบบนำทางด้วยดาวเทียมมาใส่ไว้ในจอมาตรวัด การตกแต่งภายในด้วยวัสดุชั้นดีออกมาในสไตล์เดียวกับ New S-Class ยิ่งทำให้ New E-Class W213 มีห้องโดยสารที่ทันสมัยเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง BMW Series-5 หรือแม้แต่ Lexus New GS อย่างชัดเจน แผงมาตรวัดที่คมชัดอ่านค่าได้ง่ายและแสดงผลได้อย่างหลากหลายในยุคนี้ต้องยกให้กับแบรนด์ตราดาวเค้าจริงๆ ละครับ
เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมหน่วยความจำ นั่งแล้วรู้สึกสบายจากการดีไซน์บริเวณแผ่นหลังและพนักพิงศีรษะที่สามารถปรับได้อย่างหลากหลาย เบาะนั่งหุ้มหนัง nappa สีดำ เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาวแนวสปอร์ตของ AMG เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะเหลือเฟือ ไม่มากเท่า S-Class แต่ก็ไม่ได้เล็กเหมือน C-Class นั่งสบายเอนกายพักผ่อนที่เบาะหลังยามเดินทางได้ดี เบาะหลังยังออกแบบให้พับได้แบบ 1/3 และ 2/3 E300e AMG Dynamic ยังมาพร้อมกับม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวาทำงานด้วยไฟฟ้าอย่างเงียบอีกต่างหาก
ตำแหน่งที่คุณจะต้องยึดจับตลอดการขับขี่ก็คือพวงมาลัย อย่างที่เคยบอกว่าถ้าอุตส่าห์ทำภายในงามๆ ออกมาแต่ทรงของพวงมาลัยมันไม่ไปด้วยกันก็จะลดความน่าใช้งานลงไปพอสมควร พวงมาลัย AMG แบบสปอร์ต 3 ก้านฐานตัดใช้วัสดุอย่างเริด ทั้งหนังที่ใช้หุ้ม โลหะและพลาสติกที่ประดับประดาอยู่บนพวงมาลัย สวิตช์มัลติฟังก์ชัน ฝั่งขวาเป็นที่อยู่ของปุ่มเลือกการแสดงผลผ่านมาตรวัด TFT LCD ปุ่มปรับตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control ด้านซ้ายของก้านวงติดตั้งสวิตช์ควบคุมและสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มควบคุมการแสดงผลของจอมอนิเตอร์กลาง รวมถึงปุ่มรับหรือวางโทรศัพท์บลูทูธ แป้น Paddle Shift มีขนาดเล็กแตกต่างจาก AMG E53 ที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจน โดยภาพรวม พวงมาลัย AMG ออกแบบดีและเลือกใช้วัสดุมีคุณภาพ ขนาดรอบวงกำลังดี ยึดจับได้กระชับแม้จะไม่เท่ากับพวงมาลัยหนังกลับของ AMG E53
จอภาพ Widescreen Display เชื่อมโยงระบบ COMAND CONTROL ด้วยรูปแบบกราฟิกที่ชัดเจนของคลัสเตอร์จอสี (1,000 x 600 พิกเซล) กับจอแสดงผลกลางขนาด 21.3 ซม. ในแนวทแยง (ความละเอียด 960 x 540 พิกเซล) การแสดงผลมีการติดตั้งอยู่ภายใต้กรอบเดียว ชิ้นงานของจอภาพทำออกมาในลักษณะมันวาวโทนเดียวกับสีเปียโนแล็กเกอร์ สามารถปรับเนื้อหาของการแสดงผลบนจอให้มีความเหมาะสมกับความชอบส่วนตัว หรืออารมณ์ของการขับในขณะนั้น จอแสดงผลกลางยังเชื่อมโยงการทำงานกับระบบนำทางและกำหนดพิกัดด้วยดาวเทียมเวอร์ชั่นล่าสุด ระบบแผนที่นำทางสามารถเติมพื้นที่การแสดงผลที่สมบูรณ์แบบผสานกับมาตรวัดแบบดิจิตอล เชื่อมโยงกับการปรับตั้งรายละเอียดต่างๆ นับร้อยรายการ ตั้งแต่ระบบไฟ ระบบปรับอากาศ ระบบเสียง ระบบความปลอดภัย โหมดการขับขี่ การทำงานของระบบไฮบริดและอื่นๆ อีกเพียบ
อุปกรณ์ทัชแพดที่ติดตั้งอยู่บนตำแหน่งของซุ้มเกียร์ของ E-Class E300e ช่วยให้การสั่งงานทั้งหมดถูกควบคุมผ่านนิ้วมือ โดยสั่งงานแบบ multi-touch ทัชแพดยังมีโปรแกรมพิมพ์ตัวอักษรหรือตัวเลข เพื่อทำให้คนขับรถไม่จำเป็นต้องละสายตาจากการควบคุม คุณลักษณะระบบควบคุม COMAND Online และการควบคุมด้วยเสียง LINGUATRONIC เพื่อใช้สำหรับการควบคุมระบบ Infotainment ตำแหน่งของคันเกียร์อยู่ที่ก้านด้านขวาของพวงมาลัย ใช้งานแรกๆ อาจไม่คุ้นชิน มือจะไปโดนเพื่อยกไฟเลี้ยวหรือปัดน้ำฝนอยู่ร่ำไป พอขับไปเรื่อยๆ สักพักคุณก็จะพบว่า คันเกียร์ที่ก้านพวงมาลัยด้านขวานั้นใช้งานได้สะดวกดีจริงๆ
หลอดไฟตกแต่งภายในแบบ LED ประดับอยู่ในห้องโดยสารของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ควบคุมด้วยโปรแกรมการใช้งานหรือฟังก์ชั่นที่มีชื่อเรียกว่า Ambient Light ออกแบบมาเพื่อทำให้การปรับโทนสีของแสงในห้องโดยสารเข้ากับบรรยากาศและอารมณ์ของผู้ขับด้วยการปรับแต่งตามใจชอบ หลอด LED ยังทนทานและประหยัดพลังงาน จากเทคโนโลยี LED ของ Mercedes-Benz ที่สามารถเลือกเฉดสีเพื่อสร้างบรรยากาศและมุมมองแปลกใหม่มากถึง 64 เฉดสี หลอด LED เทคโนโลยีล่าสุดจะเพิ่มการมองด้วยแสงสว่างเรืองๆ ที่ไม่รบกวนสายตาในเวลากลางคืน ตกแต่งในส่วนของจอแสดงผลกลาง ด้านหน้าคอนโซลกลาง, แผงประตูทั้งสี่บาน การส่องสว่างของช่องประตูด้านหน้าและพื้นที่วางเท้า จะปรับตั้งให้ออกมาสีเดียว หรือค่อยๆ สลับสับเปลี่ยนทั้ง 64 เฉดสี หรือผสมเฉดสีเองก็ยังได้
อุปกรณ์ให้ความบันเทิงเริงรมย์ระดับไฮเอนด์ภายในห้องโดยสารของ E300e AMG Dynamic ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® Surround Sound System จากแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำระดับโลก Burmester® นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของ Mercedes-Benz E-Class เวอร์ชั่น AMG Dynamic ห้องโดยสารติดตั้งลำโพงคุณภาพสูงจำนวน 13 ตำแหน่ง พร้อมแอมป์แบบ 9-channel amplifier ระบบ DSP กำลังขับ 590 วัตต์ ให้เสียงเพลงหนักแน่น เต็มไปด้วยมิติของการฟังแบบแยกโซน ทั้งเสียงเบส เสียงกลางและแหลมที่จัดวางมาเป็นอย่างดีจากผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเสียงติดรถยนต์ กรวยลำโพงสุดยอดของงานตกแต่งโชว์ความละเอียดและความคมชัดกรุ๊งกริ๊ง ความใสกังวานของเสียงเพลงที่เล่นผ่าน USB หรือแม้แต่ระบบบลูทูธ ระดับความลึกของเสียงเบสทำให้ Burmester® คือเครื่องเสียงขั้นเทพราคาแพงคุณภาพสูง เหมาะกับการฟังเพลงในระหว่างการเดินทางอย่างที่สุด
E300e AMG Dynamic ประกอบในประเทศไทย วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1,991 ซีซี กำลัง 155 กิโลวัตต์ หรือ 211 แรงม้า แรงบิดจากเครื่องยนต์ทำได้ที่ 350 นิวตันเมตร ในย่าน 1,200-4,000 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งในเกียร์ 9-G Tronic ปรับแต่งใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงกว่า E350e จากที่เคยมีแรงม้าแค่ 88 ตัว การปรับแต่งเพิ่มเติมประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ทำให้แรงม้าของมอเตอร์เพิ่มเป็น 122 แรงม้า มากเกินพอสำหรับถนนทุกสายบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นเหลือรับประทาน (5.7 วินาที) แรงบิดของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบประสานพลังงานในรูปแบบ parallel hybrid ของ Mercedes ทำให้เจ้า E00e วิ่งในโหมด ECO โดยมีอัตราสิ้นเปลืองที่ 14.4 กิโลเมตรต่อลิตร (แล้วแต่โหมดและลักษณะของการขับขี่) ส่วนแรงบิดล้นๆ ในโหมด Sport+ เมื่อพลังงานถูกปล่อยลงพื้นเต็มที่ มันจะสร้างแรงดึงตื้อในการพุ่งทะยานราวกับรถสปอร์ต จากตัวเลข 0-100 ที่เร้าใจคล้ายรถสปอร์ตพลังสูงทั้งๆ ที่วางเครื่องยนต์เบนซินตัวเล็กความจุแค่ 2 ลิตรเท่านั้น! ต้องยกประโยชน์ให้กับมอเตอร์และแบตเตอรี่ใหม่ ที่เข้ามาช่วยเพิ่มสมรรถนะของ E300e ให้มีความน่าใช้งานมากขึ้น
ช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบน ไม่ใช้ระบบ Air Suspension ที่ไม่ค่อยจะเหมาะกับผิวถนนในประเทศไทยซึ่งมีความหลากหลายด้านหลุมบ่อและการซ่อมบำรุงในบางเส้นทางที่ทำกันมานานแบบเจ็ดชั่วโคตรก็ยังไม่เสร็จ ช่วงล่างที่ใช้โช้คอัพกับสปริงแบบธรรมดาสามัญดูจะเหมาะสมมากกว่า เพราะไม่พังกันง่ายๆ เหมือนโช้คอัพระบบถุงลม ช่วงล่างหลังของ E300e เป็นแบบมัลติลิงค์ ทั้งปีกนกและจุดยึดโยงต่างๆใช้อะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักใต้สปริงและเพิ่มความรู้สึกกระชับและรัดกุมเมื่อทำความเร็ว
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ฝังอยู่ในเกียร์ 9 สปีด นอกจากจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นตัวปั่นกระแสไฟหรือเจนเนอเรเตอร์อีกด้วย ส่วนระบบเบรกสะสมพลังงาน และการชาร์จไฟเมื่อยกเท้าออกจากคันเร่งทำให้ E300e มีประสิทธิภาพด้านไฮบริดที่ดีขึ้น แบตเตอรี่ไฮบริดแบบใหม่ที่เพิ่มระยะทำการ เมื่อชาร์จไฟจนเต็มด้วยไฟบ้าน 6 ชั่วโมง หรือชาร์จผ่าน Wall Box ซึ่งจะใช้เวลาสั้นกว่าแค่ 3 ชั่วโมง บนจอภาพมาตรวัดจะแจ้งระดับของแบตเตอรี่และระยะทางของการขับประมาณ 44 กิโลเมตร เมื่อนำมาขับจริงๆ Mercedes-Benz E300e สามารถวิ่งในโหมด EV หรือมอเตอร์ล้วนๆ โดยไม่ติดเครื่องยนต์ไกลประมาณ 33 กิโลเมตร การชาร์จด้วยไฟบ้าน หากไม่ได้ติดตั้งแท่นชาร์จของ Mercedes-Benz ก็ควรจะหาเต้าเสียบที่มีสายไฟใหญ่กว่าปกติเพื่อป้องกันปัญหาสายไฟร้อนอันจะนำมาซึ่งอันตราย การชาร์จไฟให้กับรถ Plug in Hybrid เหมือนเรากำลังเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่น้องๆ เครื่องปรับอากาศ การเลือกเต้าชาร์จที่มีสายขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย หรือหากไม่มั่นใจก็จ่ายเพิ่มอีกนิดเพื่อติดตั้ง Wall Box ของค่ายจะได้หมดกังวลที่จะต้องมาเสียบชาร์จทิ้งไว้นานๆ
เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9-G Tronic ที่ Mercedes Benz ผลิตขึ้นเองทั้งลูกยังมีอัตราทดที่ครอบคลุม มอเตอร์ไฟฟ้าที่ฝังอยู่ในเกียร์ส่งแรงบิดสอดรับกับเครื่องยนต์ขณะทำงาน โดยเทแรงบิดในขณะที่แบตฯ ยังมีกระแสไฟฟ้าเต็มจะถ่ายเทไปยังล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อน คุณสามารถขับใช้งานได้อย่างประหยัดพร้อมๆ ไปกับความคล่องตัวและความแรงของระบบพลังงานผสม Plug in Hybrid เมื่อเสียบปลั๊กชาร์จไฟไว้ 6 ชั่วโมง หรือ 3 ชั่วโมงหากติดตั้ง Wall Box เจ้า E300e สามารถวิ่งด้วยมอเตอร์เพียวๆ ไกลถึง 33 กิโลเมตร (เคลมมาประมาณ 45 กิโลเมตร) การขับใช้งานขึ้นอยู่กับฝ่าเท้าของคุณเองว่าจะไปให้เร็วหรือขับแบบไหลไปเรื่อยๆ เมื่อแบตเตอรี่มีกระแสไฟไม่พอก็แค่กดโหมดให้ทำการชาร์จไฟเข้าแบตฯ ได้แบบอัตโนมัติ แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาและระยะทางพอสมควรในการวิ่งชาร์จเพื่อสำรองกระแสไฟฟ้าเอาไว้ใช้ เพื่อความประหยัดและความสะอาดของอากาศรอบตัวคุณ
ตอนขับ E350e ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร เนื่องจากระยะทำการเมื่อชาร์จแบตฯ จนเต็มสั้นเกินไปแค่ 23 กิโลเมตร แต่การปรับปรุงทั้งมอเตอร์และแบตเตอรี่ใน E300e ทำให้ความคิดเดิมๆ เปลี่ยนไป เมื่อไฟเต็มแบตฯ และวิ่งไม่ถึง 30 กิโลเมตร เครื่องยนต์จะไม่ติด การใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อน คุณสามารถขับบนไฮเวย์ด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยมอเตอร์เพียวๆ เครื่องยนต์ก็ยังคงหลับใหลอยู่หากไฟยังพอก็ขับได้เรื่อยๆ การขับที่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะกินไฟในแบตฯ น้อยลง ยิ่งขับช้าหรือขับในเมืองในย่านความเร็วต่ำ การดึงไฟจากแบตฯ จะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อความเร็วทะลุเกิน 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ตัวเล็กของมันก็จะติดขึ้นมาแบบอัตโนมัติ การเชื่อมต่อระหว่างโหมดไฟฟ้ากับการทำงานของเครื่องยนต์เนียนและไม่มีอาการกระตุกกระชากจนแทบไม่รู้สึกว่าอะไรที่กำลังทำหน้าที่ขับเคลื่อน การใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่องด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าค่อนข้างกินไฟ สังเกตุด้จากระดับของพลังไฟในแบตฯ ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว อย่าลืมว่ามันหนักเฉียดๆ 2 ตัน การวิ่งในย่านความเร็วสูงด้วยพลังงานไฟฟ้าจึงทำให้ E300e กินกระแสไฟพอสมควรเลยทีเดียว
เมื่อขับจนไฟหมดแบตฯ แล้วลองขับแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ถือว่าจูนมาดีและประหยัดดีกว่ารุ่นพี่ E350e เล็กน้อย อัตราสิ้นเปลืองเมื่อใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน ทำได้ 12.7 กิโลเมตรต่อลิตร ที่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การยกคันเร่งแล้วมีรถอยู่ข้างหน้า ระบบ e-Brake ทำหน้าที่ได้ดีมาก มันจะทำหน้าที่ชะลอความเร็วพร้อมๆ ไปกับการชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่โดยไม่ต้องแตะแป้นเบรก เบรกสะสมพลังงานก็ปรับน้ำหนักจนเนียนแทบจะเบรกได้เท่ากับ E220d ใน E300e คุณจะไม่มีวันได้เจอกับสัมผัสของเบรกแบบฟองน้ำ หรือเหมือนเบรกไม่อยู่ที่เคยเกิดขึ้นในรถไฟฟ้าของญี่ปุ่นตอนทดสอบ การปรับตั้งความรู้สึกของระบบเบรกสะสมพลังงานให้เหมือนกับสัมผัสของแป้นเบรกปกติ ต้องมีเซียนอยู่ในบริษัทถึงจะทำได้
แรงหมุนของเครื่องยนต์ การยกเท้าออกจากคันเร่ง รวมถึงการใช้เบรก ทั้งหมด จะถูกนำมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าไปสะสมไว้ในแบตเตอรี่ การแปลงพลังงานจลน์ที่เกิดจากการชะลอความเร็วหรือการเบรกให้เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า และเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่ หรือที่เรียกกันว่า regenerative braking ทำได้ดีกว่าทั้ง E350e และ C350e ข้อดีก็คือทำให้ E300e มีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้นเล็กน้อย การทำงานของเครื่องยนต์ ที่เชื่อมต่อกับระบบ Hybrid นุ่มนวลและราบรื่นปราศจากอาการกระตุก เป็นการเชื่อมต่อที่ทำออกมาได้เนียนเอามากๆ เครื่องยนต์มีเสียงในรอบเดินเบาไม่มากเท่ากับเครื่อง 3.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล ที่ชอบก็คือการเร่งความเร็วที่ทำได้น้องๆ รถสปอร์ตจากตัวเลข 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเร็วสูสีกับ Porsche Cayman รุ่นมาตรฐาน ส่วนความเร็วสูงสุดที่เคลมมาถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่มีถนนที่ตรงและยาวมากพอจะให้วิ่งไปถึงความเร็วสูงสุด รวมถึงยังอันตรายและผิดกฎหมายอีกด้วย
การทำงานในระบบ Hybrid ของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic แยกโหมดหลักๆ ได้ 4 โหมด คือ
Hybrid
ระบบขับเคลื่อนของ E300e ทำงานผสมผสานกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า สมองกลไฟฟ้าส่วนกลาง (ECU - electronic control unit) ในระบบขับเคลื่อน จะทำหน้าที่ประมวลผลโดยอัตโนมัติถึงปัจจัยหลักๆ เช่น ลักษณะของการขับขี่ องศาของคันเร่งไฟฟ้า และอัตราส่วนความเร็วในขณะนั้นๆ ว่าควรสั่งงานให้เครื่องยนต์ หรือมอเตอร์ไฟฟ้าหรือทั้งสองระบบผสมผสานกันในการขับเคลื่อน ในกรณีที่ปรับเกียร์อัตโนมัติเป็นโหมดสปอร์ต S หรือ S+ รถยนต์จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียวๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพด้านอัตราเร่ง และกำลังในรูปแบบของแรงบิดในระดับสูงสุด
E-Mode
นี่คือโหมดที่ถ่ายเทพันธุกรรมของยานยนต์ EQ Power ได้ดีที่สุด นั่นก็คือการวิ่งโดยไม่ใช้เชื้อเพลิงและไม่ปล่อยมลพิษออกมาแม้แต่กรัมเดียว! E-Mode เป็นโหมดหลักของการดึงพลังงานจากแบตฯ ไปป้อนให้กับมอเตอร์โดยที่เครื่องยนต์ยังคงหลับใหล หากไฟในแบตเตอรี่มีมากพอที่จะสั่งการให้ใช้เฉพาะมอเตอร์ในการขับเคลื่อน เพื่อลดมลภาวะและลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง E-Mode ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบและใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ในขณะที่เครื่องยนต์ถูกระบบสั่งให้หยุดการทำงาน คุณสามารถเร่งความเร็ว E300e ด้วยมอเตอร์ ได้ประมาณ 130-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่มีการคายไอเสียแม้แต่กรัมเดียว! (โหมดนี้ ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานของแบตเตอรี่และความเร็วที่ใช้) การทำงานของ E-Mode ยังครอบคลุมการใช้งานทั้งขับในเมืองและขับออกทางไกล แต่ระยะทำการสั้นไปนิดแค่ 33 กิโลเมตร เมื่อลองใช้ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าพอรับได้ ถ้าที่ทำงานอยู่ห่างจากบ้านไม่ถึง 30 กิโลเมตร น้ำมันสักหยดก็ไม่ได้ใช้! (แบตเตอรี่มีกระแสไฟจากการชาร์จเต็ม 100%) คันเร่งไฟฟ้าแบบ haptic ทำงานเมื่อผู้ขับกดแป้นคันเร่งด้วยน้ำหนักและองศาที่ไม่เกินแรงต้านจากการตรวจจับของเซนเซอร์ หากกดแป้นคันเร่งเกินแรงต้าน หรือเกินกว่าที่ระบบตั้งไว้ สมองกลไฟฟ้าที่ควบคุมระบบขับเคลื่อนจะสั่งให้เครื่องยนต์ติดขึ้นมาทันทีรับหน้าที่แทนมอเตอร์ไฟฟ้า กรณีที่กระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่เหลือประมาณ 10% ซึ่งไม่เพียงพอที่จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบจะปรับเข้าสู่โหมด Hybrid ผสมผสานกันระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไปตามสปีดความเร็ว นั่นก็คือ ถ้าขับเรื่อยๆ และมีพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่มากพอก็แทบจะไม่ได้ใช้เชื้อเพลิง เมื่อคุณชาร์จไฟใส่แบตฯ ของ E300e มันจะวิ่งใช้งานได้ระยะทางประมาณ 33 กิโลเมตร (ที่ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ระยะทางที่แจ้งในจอภาพมาตรวัดเมื่อใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน จะลดลงตามสัดส่วนของการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เมื่อขับเร็วขึ้นก็ย่อมเปลืองไฟเป็นเรื่องปกติในรถยนต์ Plug in Hybrid ยุคใหม่ในปัจจุบัน
E-Save
โหมดนี้เครื่องยนต์จะรับหน้าที่ทั้งขับเคลื่อนและปั่นไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ เพื่อการรักษาระดับกระแสไฟฟ้าสำรองไว้ใช้งานในเวลาที่ต้องการ เมื่อมีการเลือกโหมดนี้ ระบบจะบันทึกระดับกระแสไฟฟ้าในช่วงเวลานั้นว่ามีกระแสไฟฟ้าอยู่ปริมาณเท่าไร และจะทำการรักษาระดับกระแสไฟฟ้าไว้โดยจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เป็นหลัก และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อจำเป็น ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมด E-SAVE ได้ เมื่อเห็นว่ากระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่อยู่ในระดับที่ต้องการ เช่น เลือกโหมด E-SAVE เมื่อแบตเตอรี่มีกระแสไฟฟ้า 60% ระบบจะบันทึกระดับกระแสไฟฟ้าไว้ และขับเคลื่อนต่อไปด้วยเครื่องยนต์ โดยกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่จะถูกเก็บไว้ในระดับที่ไม่น้อยกว่าตอนที่ผู้ขับขี่เลือกใช้โหมด E-SAVE หรือไม่น้อยกว่า 60% นั่นเอง ซึ่งเมื่อถึงพื้นที่ที่ต้องการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ก็เปลี่ยนสลับไปใช้โหมด E-MODE ได้ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น
Charge
เมื่อใช้โหมดนี้ เข็มวัดระดับเชื้อเพลิงดูเหมือนจะตื่นจากการหลับใหล เป็นโหมดที่ใช้เชื้อเพลิงขับเคลื่อน การขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ที่เชื่อมต่อกับมอเตอร์ไฟฟ้าในชุดเกียร์ เกิดการหมุนคล้าย generator หรือเครื่องปั่นไฟ เพื่อปั่นกระแสไฟฟ้าไปเก็บในแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ฝังอยู่ในเกียร์ 9-G Tronic ทำหน้าที่ทั้งขับเคลื่อนและเป็นตัวปั่นกระแสไฟ การทำงานในรูปแบบนี้ รถถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว โดยแบตเตอรี่ high-volt จะถูกรักษาระดับการชาร์จให้อยู่ในระดับปานกลางในขณะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ และจะไม่มีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ high-volt ได้อย่างต่อเนื่อง อย่างที่บอกว่า แรงหมุนของเครื่องยนต์ การยกเท้าออกจากคันเร่ง รวมถึงการเบรกทั้งหมด จะถูกนำมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าไปสะสมไว้ในแบตเตอรี่ การแปลงพลังงานจลน์ที่เกิดจากการชะลอความเร็วหรือการเบรกให้เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า และเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่ หรือที่เรียกกันว่า regenerative braking
โหมดการขับเคลื่อน DYNAMIC SELECT
DYNAMIC SELECT โหมดการขับที่เลือกได้ตามชอบว่าจะขับไปจ่ายตลาดหรืออาละวาดเต็มเหนี่ยวแบบรถสปอร์ต สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ที่ต้องการได้โหมดต่างๆ จะควบคุมการตอบสนองของระบบส่งกำลัง การตอบสนองของพวงมาลัย ระบบปรับอากาศ และฟังก์ชัน Eco Start / Stop เพื่อการประหยัดเชื้อเพลิง ผ่านปุ่ม DYNAMIC SELECT โดยเลือกได้ 5 รูปแบบการขับ เช่น โหมด Eco เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง โหมด Comfort เพื่อความนุ่มนวลขณะโลดแล่นบนท้องถนน โหมด Sport สำหรับการขับขี่อย่างปราดเปรียว พร้อมพวงมาลัย Direct Steering ตอบสนองทุกจังหวะการขับขี่ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G -TRONIC) ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลและราบรื่น หรือเพิ่มอีกระดับความเร้าใจกับโหมด Sport+ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปิดจนหมด เพื่อเน้นการเทพลังงานลงไปที่ล้อหลังอย่างเต็มที่ การตอบสนองอยู่ในระดับสูงสุด คันเร่งไว เกียร์มักจะคาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ 4-5 ในช่วงที่มีแรงบิดสูงสุด ส่วนโหมด Individual สามารถปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย ให้มีความแตกต่างอย่างเป็นอิสระ
EQ Power - ELECTRIC INTELLIGENCE by MERCEDES BENZ มอบทั้งพละกำลังในแบบผสมผสานเครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้า ความสบายในห้องโดยสารที่เงียบงันและตกแต่งมาเป็นอย่างดี (แต่ไม่ยักกะมีเนวิเกเตอร์แถมมาให้) รวมไปถึงความละเอียดอ่อนของช่วงล่างแบบธรรมดาสามัญ ไม่ใช่แบบถุงลมปรับตั้งด้วยไฟฟ้าที่มีค่าซ่อมแพงแสบไส้ ช่วงล่างโช้คและสปริงปกติให้สัมผัสนุ่มนวล รอยต่อคอสะพานเมื่อขับมาเร็วๆ ก็ยังทรงตัวได้ดีและซับแรงสะเทือนได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด (คล้าย S-Class) การนำเอาโลหะทั้งเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมมาใช้เป็นเปลือกตัวถังและโครงสร้างหลักของแชสซี โดยคำนึงถึงน้ำหนักที่จะต้องถูกตัดทอนลงไปเพื่อไม่ทำให้น้ำหนักตัวบานเบอะเนื่องจากต้องพ่วงน้ำหนักของแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบปลั๊กไฮบริด ในฐานะที่ทำตัวเป็นยานยนต์พลังงานผสม เส้นทางทดสอบบางช่วงบางตอนที่ต้องวิ่งผ่านผิวทางที่มีความหลากหลาย ประกอบไปด้วยทางตรงยาว โค้งขึ้นลงเนินเขา และโค้งมุมแคบ ไล่เรียงจากอำเภอเลาขวัญไปยังอำเภอหนองปรือ เชื่อมต่อกับอ่างเก็บน้ำห้วยองคต แล้วไปโผล่แถวๆ เขาโจก เป็นเส้นทางที่เหมาะกับการทดสอบประสิทธิภาพของรถยนต์พลังงานปลั๊กอินไฮบริดจากแบรนด์ตราดาว รวมถึงยังเป็นเส้นทางยอดนิยมที่ผมเคยใช้ทดสอบรถรุ่นใหม่นับสิบแบรนด์
จุดเด่นของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ราคา 3.7 ล้านบาทก็คือ
1-ความมั่นคงนุ่มสบายหลังพวงมาลัย การควบคุมที่อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมไม่เป็นรอง BMW 530e Plug in Hybrid โดยมีช่วงล่างที่ยังคงความเป็น E-Class
2-ผมยังคงยกย่องว่าระบบไฟส่องสว่าง MULTIBEAM LED ของ E300e ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่งไม่ว่าจะเป็น Audi หรือ BMW คุณจะไม่มีวันได้เห็นการทำงานเจ๋งๆ ของไฟหน้าอัตโนมัติหากขับอยู่แค่ในเมือง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ขับบนถนนที่ปราศจากแสงไฟและเปิดใช้ระบบไฟอัตโนมัติ คุณจะพบกับมิติใหม่ของการมองในตอนกลางคืน เป็นชุดไฟหน้าที่เข้ามาช่วยทำให้การขับรถตอนกลางคืนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
3-เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังเหลือเฟือในการเร่งความเร็วเพื่อแซง กินเชื้อเพลิงน้อยลงเมื่อต้องวิ่งด้วยเครื่องยนต์เพียวๆ และระยะทำการของแบตเตอรี่เพิ่มจาก 25 เป็น 33 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ดีกว่า E350e รุ่นพี่
4-ระบบรองรับที่กลับมาใช้แบบโช้คอัพและสปริงมาตรฐาน เปลี่ยนจาก Air Suspension ใน E350e ที่อาจมีดีแค่ปรับระดับความสูงและความแข็ง-อ่อนได้ แต่มีค่าซ่อมแพงกว่า ส่วนใหญ่ไม่ซ่อม เน้นยกเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดซึ่งแพงมาก
5-อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทำได้ 12.7 กิโลเมตรต่อลิตร ในโหมด ECO และหล่นลงมาเหลือแค่ 11.1 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อใช้โหมดชาร์จแบตฯ แบบวิ่งไปชาร์จไป ประหยัดขึ้นเล็กน้อย
จุดแข็งของ E300e ก็คือไดนามิกที่ดี ทำให้รู้สึกได้ถึงเทคโนโลยี EQ Power ที่ปรับปรุงได้ดีขึ้น เมื่อใช้โหมด Sport + รถจะไม่ทำตามอำเภอใจของมัน ระบบเบรกจะไม่ถูกรบกวนมากนัก เป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างมนุษย์และจักรกลอย่างแท้จริง โดยมี ABS และ ESP ที่เปิดใช้งานตลอดเวลา (จริงๆ แล้วเราไม่สามารถปิดระบบ ABS ได้) ช่วงล่างในย่านความเร็วสูงพยายามรักษาระดับรถให้อยู่ในแนวระนาบตลอดเวลา ไม่ว่าจะบรรทุกผู้โดยสารพร้อมสัมภาระมาเต็มคัน ระหว่างกดคันเร่งออกตัวอย่างฉับพลัน หรือขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง องคาพยพของตัวรถออกมาในแบบสบายๆ แม้จะใช้ความเร็วมากกว่าปกติก็ไม่สร้างความเครียดให้กับการควบคุมซึ่งถือว่าเป็นสมรรถนะที่ E-Class ควรมี การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งหรือแม้แต่ใช้เบรกหนักๆ ก็ทำได้ดี มีอาการโคลงตัวไม่มากเมื่อวิ่งบนผิวถนนที่ไม่เรียบและมั่นคงมากเมื่อวิ่งบนไฮเวย์โล่งๆ
พวงมาลัยไฟฟ้ามีศักยภาพที่วางใจได้ในทุกโหมดหรือแม้แต่การปรับตั้งการตอบสนองของพวงมาลัยด้วยตัวคุณเอง น้ำหนักที่เบาสบายข้อมือในย่านความเร็วต่ำ แตกต่างจาก AMG E53 ที่มีพวงมาลัยหนักเสมอต้นเสมอปลาย การตอบสนองของพวงมาลัยไฟฟ้าใน E300e ไม่ทำให้รู้สึกว่าผิดเพี้ยนเมื่อหมุนจนสุดเพื่อกลับลำ ให้ความรู้สึกเที่ยงตรงแม่นยำ โดยเฉพาะการขับเร็ว ตอบสนองอย่างตรงไปตรงมา ดีกว่า S350d ที่เบาเกินไปนิดและเบากว่า AMG E53 ที่เอาแต่หนักราวกับรถแข่ง เมื่อขับจนเริ่มจะคุ้นชินผมใส่มันหนักข้อมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเจอเข้ากับทางโล่งๆ อันที่จริงเส้นทางในแถบนี้ก็แทบจะไม่มีรถวิ่งอยู่แล้ว ยิ่งมาเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสก็ยิ่งทำให้เส้นทางทดสอบที่ใช้ประจำรกร้างว่างเปล่าราวกับโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน
การตอบสนองของแชสซีและการควบคุมรถอย่างเป็นธรรมชาติบนเส้นทางลาดยางสองเลนสวนกันซึ่งเป็นทางหลวงชนบทเส้นเล็กๆ ที่ทอดตัวข้ามหุบเขาในแถบจังหวัดกาญจนบุรี E300e ยังคงนิ่งแม้จะโดนอัดอย่างหนักหน่วงในโหมดสูงสุด แรงยึดเกาะของยางติดรถบ้านๆ อย่าง Michelin Primacy 3 ZP ทำหน้าที่ได้ดี ถ่ายเทแรงบิดลงพื้นได้เร็วขึ้น มากพอจนอยากจะเติมความเร็วช่วงปลายโค้งให้มากกว่าเดิม รอบเครื่องยนต์ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ 4,500-5,500 รอบต่อนาที การถ่ายเทน้ำหนักในโค้งมีผลต่อสมดุลของรถน้อยในแบบที่รถราคาเฉียด 4 ล้านควรจะเป็น ทำให้คุณสามารถปักหัวเข้าโค้งแคบๆ ได้อย่างว่องไวทั้งๆ ที่เป็นรถโอเวอร์แฮงค์ค่อนข้างเยอะกว่ารถสปอร์ต การแสดงออกถึงความคล่องตัวกลายเป็นเอกลักษณ์ของ Mercedes-Benz ยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น S-Class หรือ CLS Class ยาว 5 เมตร ก็ยังคล่องแคล่วว่องไวแตกต่างจาก Benz ยุคก่อนที่ค่อนข้างทื่อและเอาแต่สูงวัยลูกเดียว
E300e มีสมรรถนะที่ดีกว่า E350e รุ่นพี่อย่างเห็นได้ชัด ทั้งอัตราเร่งและความประหยัด รวมถึงระยะทำการของแบตเตอรี่ที่มากกว่าเดิม แถมราคาก็ยังถูกกว่าเนื่องจากใกล้จะปรับโฉมเต็มทน คาดว่าก่อนการปรับโฉมครั้งใหญ่ ถ้ายังเหลือคาโชว์รูมอยู่ก็น่าจะถูกลงไปกว่านี้อีกพอสมควร เป็นรถเสียบปลั๊กชาร์จที่วิ่งได้เนียนสูสีกับ BMW 530e M Sport อยู่ที่ความชอบว่าจะเอาแบบฟิลลิ่งสปอร์ตจ๋าหรือรักความสบายแบบเจ้านายที่ชอบนั่งเบาะหลัง มันเป็นรถที่ปรับปรุงมาเป็นอย่างดี ตอบโจทย์คนใช้รถน้อยด้วยการวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียวๆ ไกล 33 กิโลเมตร โดยไม่ต้องใช้น้ำมันสักหยดและมีตัวเลขมลพิษเท่ากับศูนย์ ตราบใดที่ไฟในแบตเตอรี่เหลือมากพอคุณจะพบกับความประหยัดและความแรงในรูปแบบของ EQ Power เวลา 10 วันที่อยู่ด้วยกันในช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก หมดลงอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยๆ E300e AMG Dynamic Plug in Hybrid ก็เป็นยานพาหนะที่ช่วยทำให้ผมคลายความกังวลลงไปได้พอสมควรเมื่อได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยของมัน.
Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic Plug in Hybrid
เครื่องยนต์ เบนซินแถวเรียง 4 สูบ 4 วาล์วต่อสูบ อัดอากาศด้วยเทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 155 กิโลวัตต์ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที
กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 90 กิโลวัตต์ 122 แรงม้า
แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 440 นิวตัน-เมตร
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 5.7 วินาที
ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ความจุถังเชื้อเพลิง 60 ลิตร
พื้นที่เก็บสัมภาระ 400 ลิตร
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G - TRONIC) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering - wheel Gearshift Paddles)
ระบบความปลอดภัย E 300 e AMG Dynamic
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system)
ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
ระบบความปลอดภัย E 300 e AMG Dynamic
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (adaptive brake light)
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
ระบบรักษาความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง (tyre pressure loss warning system)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เซนเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist)
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก E 300 e AMG Dynamic
ใบปัดน้ำฝนทำงานโดยอัตโนมัติ พร้อมเซนเซอร์วัดปริมาณน้ำฝน
ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED
ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS-Intelligent Light System)
ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS-Active Light System)
ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus)
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน แบบ LED fibre-optic
ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟเบรกและไฟท้าย แบบ LED
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Electric panoramic sliding glass sunroof)
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก E 300 e AMG Dynamic
กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตจาก AMG
กระจกมองข้างปรับระดับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
กุญแจรีโมทคอนโทรล
ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO
ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS)
ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายด้วยระบบไฟฟ้า
กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์
ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ
ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน
สัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19"
ยางรถยนต์แบบ Run-flat
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน E 300 e AMG Dynamic
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 3-ZONE
เบาะนั่งหุ้มหนัง nappa
เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำสำหรับตำแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังพับได้แบบ 1/3 และ 2/3
ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวา
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน E 300 e AMG Dynamic
ม่านบังแดดหลัง เลื่อนขึ้น-ลงด้วยระบบไฟฟ้า
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด หุ้มหนัง nappa
พวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า และปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ
ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ (Push Start)
ด้านบนของคอนโซลหน้า และด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง
ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี (ambient lighting)
หน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit
ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display)
ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester®
ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth)
ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (wireless charging)
กาบบันไดสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz แบบเรืองแสง
ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต
ระบบสื่อสาร E 300 e AMG Dynamic
ระบบ Audio 20 NTG 5.5 พร้อมจอแสดงผลขนาด 12.3"
ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlayTM)
และ Android (Android Auto)
ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
อุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สำหรับบริการ Mercedes me connect
ระบบแผนที่นำทาง
ระบบการตั้งค่ารถยนต์
ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
ฟังก์ชันการตั้งค่าการชาร์จไฟแบตเตอรี่และระบบปรับอากาศล่วงหน้า
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-5253692475053
"แสดงผล" - Google News
April 30, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/3cSwUfU
ประกอบไทย ราคาได้ใจ ขับไกลแบบเสียบปลั๊ก! ทดสอบ MERCEDES-BENZ E300e AMG DYNAMIC - ไทยรัฐ
"แสดงผล" - Google News
https://ift.tt/3cS0tOw
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ประกอบไทย ราคาได้ใจ ขับไกลแบบเสียบปลั๊ก! ทดสอบ MERCEDES-BENZ E300e AMG DYNAMIC - ไทยรัฐ"
Post a Comment