29 เม.ย.2563 - นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันของการดำเนินการภาครัฐและมีแนวโน้มว่าต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการแก้ไข ประกอบกับปรากฏข่าวสารในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้ร่วมกันจัดทำแนวทางการป้องกันการทุจริตในสถานการณ์วิกฤติ กรณีศึกษาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 โดยมีการการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริตท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 โดยได้ทำการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ตามกรอบแนวคิดการประเมินความเสี่ยง ประกอบกับการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมี 4 ขั้นตอน
ประกอบด้วย 1.วิเคราะห์จากข้อมูลข่าวสารนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดร่วมกับข้อมูลแนวนโยบายของภาครัฐที่จะดำเนินการในอนาคตแล้วโอกาสการทุจริตท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 2.ประสานงานกับสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด รวมถึงเครือข่ายชมรม STRONG สำรวจและวิเคราะห์โอกาสการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นจากข้อมูลข่าวสารและแนวโน้มในอนาคตจากข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ 3.รวบรวม วิเคราะห์ และแสดงผลเป็นแผนที่พื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริต ที่จะแสดงประเด็นความเสี่ยงการทุจริตในแต่ละพื้นที่ รวมถึงจัดลำดับความสำคัญ ประเด็นทุจริตที่มีโอกาสเกิดขึ้นสูงสุดแล้วประสานกับเครือข่ายทั่วประเทศในการสอดส่องและแจ้งเบาะแสการทุจริตในพื้นที่ของตน และ 4.กำกับ ติดตาม และปรับปรุงข้อมูลแผนที่พื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริตอย่างสม่ำเสมอตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การแสดงผลของแผนที่พื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริตมีความใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นพลวัต
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้สำนัก ป.ป.ช. ได้ดำเนินการวิเคราะห์โอกาสการทุจริตท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ซึ่งจำแนกโดยแบ่งจากจุดมุ่งหมายในการดำเนินการของภาครัฐ แบ่งออกเป็นหมวดใหญ่ ๆ 3 จำพวก คือ 1.การยับยั้งและป้องกันโรค หมายถึง การดำเนินการของรัฐเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงการดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในอนาคต เช่น การจัดซื้อจัดจ้างวัสดุครุภัณฑ์แพงที่เกินจริง การจัดซื้อจัดจ้างวัสดุครุภัณฑ์ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่สามารถใช้งานได้จริงหรือซื้อซ้ำซ้อน การนำเงิน หรือสิ่งของบริจาคมาใช้สอยแล้วตั้งงบประมาณเสมือนเป็นการจัดซื้อจัดจ้าง การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ในลักษณะเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเป็นคู่สัญญาของรัฐ ทุจริตการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงหรือเบิกวัสดุที่ใช้ในการปฏิบัติงานพื้นที่ การเบียดบังทรัพย์สินของราชการ หรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการบริจาคเพื่อการปฏิบัติราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตนเอื้อประโยชน์ หรือ อุปถัมภ์ หรือ เลือกที่รักมักที่ชังให้แก่เอกชนในการเข้าเป็นคู่สัญญารัฐ พฤติการณ์เกี่ยวกับสินบนเพื่อให้อนุมัติอนุญาต ปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่บางประการ
นายวรวิทย์ กล่าวว่า 2.การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ หมายถึง การดำเนินการของรัฐเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการยับยั้งและป้องกันโรคของภาครัฐทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงด้านสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่ง อาจเกิดการทุจริตขึ้นได้เช่นกัน และ 3.การดำเนินโครงการอื่น ๆ หมายถึง การดำเนินการของรัฐในเรื่องอื่นๆ ที่มิได้เกี่ยวกับวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 คือ การใช้โอกาสจากสถานการณ์ที่ประชาชนสนใจสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในการกระทำทุจริต เช่น เร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุครุภัณฑ์ การดูแลรักษาซ่อมบำรุงสาธารณูปโภค โดยไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมาย เป็นต้น ทั้งนี้ การปักหมุดนี้เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการสอดส่องและแจ้งเบาะแสการทุจริตทั่วประเทศภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 โดยสามารถป้องกัน ป้องปราม ยับยั้งการทุจริตได้อย่างทันท่วงที และมีการรวบรวมและแสดงผลข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อเก็บรักษาเป็นฐานข้อมูลที่ใช้ในการต่อยอดการทำงานต่อไป
"แสดงผล" - Google News
April 29, 2020 at 01:58PM
https://ift.tt/2KKFhhm
มีหนาว!ป.ป.ช.สั่งสแกนยิบใช้ข้ออ้าง'โควิด-19'งาบเงินหลวง - ไทยโพสต์
"แสดงผล" - Google News
https://ift.tt/3cS0tOw
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
Bagikan Berita Ini
0 Response to "มีหนาว!ป.ป.ช.สั่งสแกนยิบใช้ข้ออ้าง'โควิด-19'งาบเงินหลวง - ไทยโพสต์"
Post a Comment