ยกสองของ “ศึกสองก๊ก” พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คั่นเวลาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ก่อนเวลาอันควร
ข่าวปล่อย-ข่าวเปลี่ยนหัวหน้าและเลขาธิการพรรค พ่วงด้วยการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทรกอารมณ์หดหู่-หิวโหยจากผลกระทบจากโควิด-19
ข่าวเปลี่ยนหัวหน้าและเลขาธิการพรรคจาก “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี-ประธานยุทธศาสตร์พรรค
จาก “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็น “สันติ พร้อมพัฒน์” แกนนำกลุ่มเพชรบูรณ์-รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
พปชร.เปิดศึกชิงอำนาจ
ข่าวปรับ ครม.-เปลี่ยน “ก๊กสี่กุมาร” ควบ “ทีมเศรษฐกิจ” เป็น “ก๊กบิ๊กป้อม” ยกก๊วน ทั้ง “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
นายสันติ พร้อมพัฒน์ ปรับขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โยก “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” แกนนำกลุ่ม กทม.-กปปส. ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แทนนายสนธิรัตน์
“เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท-กลุ่มสามมิตร รองประธานยุทธศาสตร์พรรค ที่ติดโผ ครม.มานาน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
“เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี-ประธาน ส.ส. หันมาเป็น “เด็กดื้อ” เปิดศึกกับก๊กสี่กุมาร-สุวิทย์ เมษินทรีย์ ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ข่าวเชือดหัวหน้า-เลขาธิการพรรคถูก “ลดความน่าเชื่อถือ” เมื่อชื่อที่ถูกปล่อยออกมาเชือด ใน “โผ ครม.ใหม่” คือ “พล.อ.ประวิตร” เป็นคน “จัดโผเอง” และควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย-เขี่ย “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กระเด็นออกนอกวงโคจรอำนาจ
บิ๊กตู่-การเมืองไม่สำคัญเท่าโควิด
เรื่องถึงหู “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าพรรคตัวจริง ต้องออกมาดับไฟข่าวลือ-ข่าวปล่อย หย่าศึก-สงครามกลางเมืองภายในพรรคประชารัฐชั่วคราว
เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็น 1 เสียงที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางเปลี่ยนกรรมการบริหารดังกล่าว ในขณะนี้ อย่างน้อยกว่าจะถึงมิถุนายนที่จะมีการ “ปรับใหญ่”
“การเมืองขออนุญาตไม่ตอบ คิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ในช่วงนี้เป็นเรื่องการทำงานของเรามากกว่า ในเรื่องดูแลฟื้นฟู อะไรจะคืนความสุขให้ประชาชนได้บ้าง เรื่องการเมืองไม่ตอบดีกว่า เรื่องอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ และสร้างความบิดเบือนความไม่เข้าใจอย่าพูดกันเลยดีกว่า” นายกฯตอบคำถามสื่อมวลชนหลังประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 28 เม.ย.
เกมเขี่ยทีมสมคิด-สี่กุมาร
ต้นตอข่าว-สาวลึกไปถึง “ที่ทำการใหม่ของพรรค” ตรงกันข้ามศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ที่มี “สันติ” เป็น “เจ้าหน้าที่” ที่ตึกนั้น มีห้องที่ตกแต่งแล้ว แต่ยังไม่ได้ย้ายไปมีเพียง 2 ห้อง คือ ห้องของ“บิ๊กป้อม” กับห้องของ “นายกรัฐมนตรี” เท่านั้น
ทว่าไม่มีห้อง “อุตตม”-หัวหน้าพรรค และ “สนธิรัตน์” เลขาธิการพรรคความโหดของเรื่องนี้ คือ แผนบันได 2 ขั้น ในการยึดพรรคของ “ก๊กบิ๊กป้อม”
บันไดขั้นที่ 1 การเปลี่ยนหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เป็นพงศาวดารกระซิบ-เสียงสังหารจาก “เสธ.อ้น” พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชา ส.ว.สายทหารเสือราชินี-น้องรัก พล.อ.ประวิตร ส่งไดเร็กต์เมสเสจ “ข้างหู” นายอุตตมให้เขียน“ใบลาออก” จากหัวหน้าพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่-รื้อโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคยกแผงพร้อมกับความพยายาม “ล็อบบี้” กรรมการบริหารพรรค ให้จัดเลือกกรรมการใหม่ ในการประชุมเดือนมิถุนายน 2563 นี้ ไล่เลี่ยกับช่วงการปรับ ครม.
บันไดขั้นที่ 2 การเช็กเสียงกรรมการบริหาร-ประลองกำลัง ระหว่าง “ก๊วนบิ๊กป้อม” กับ “ก๊กสี่กุมาร” ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี เป็น “เมนเทอร์” เดินเกมเป็นครั้งที่สอง-มุดเข้ากระทรวอุตสาหกรรมแต่เช้าตรู่ เพื่อคิดกลศึก-แก้เกมก๊กบิ๊กป้อม โดยมีแกนนำคนสำคัญ-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม-เบอร์ใหญ่ “ก๊กสามมิตร” ที่มี “สัญญาใจ” กับ “สมคิด” ตั้งแต่อยู่ไทยรักไทย “ไม่ให้เปลี่ยน” กรรมการบริหารพรรคในเวลานี้
“สุริยะ” จึงเป็น “ตัวประสาน” กับ “กลุ่มสามมิตร” ทั้งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ในใจลึก ๆ ยังต้องการเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา ที่ต้องการสานฝันเป็นรัฐมนตรีว่าการ รวมถึง “ธนกร วังบุญคงชนะ” โฆษกพรรค และ “เสี่ยโฟม” พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
หลังจากนั้นจึงมีข่าวโยนหินถามทางจาก “เสี่ยตั๊น” ณัฏฐพล-แกนนำกลุ่ม กทม.เตรียม “ไขก๊อก” ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค เพื่อ “นำร่อง” ให้กรรมการบริหารเลือกข้าง-ลาออกให้กรรมการบริหารเหลือ “ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง” เปิดทางเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทันที
“ข้อบังคับพรรค” ข้อ 15 กรรมการบริหารพรรคการเมืองทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) ครบวาระการดำรงตำแหน่งตามข้อบังคับพรรคการเมือง (4 ปี)
(2) ความเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองของหัวหน้าพรรคการเมืองสิ้นสุดลงตามข้อ 14 (ตาย, ลาออก, ขาดจากสมาชิกภาพ, อื่น ๆ ตามที่กฎหมายหรือข้อบังคับพรรคการเมือง)
และ (3) กรรมการบริหารพรรคการเมืองว่างลงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการบริหารพรรคการเมืองทั้งหมด” และให้เลือกกรรมการบริหารพรรคการเมืองชุดใหม่ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ
ก๊วน กปปส. ตกกระไดพลอยโจน
อย่างไรก็ตาม มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าข่าวลือ “บิ๊กเนมกลุ่ม กทม.” เขียนใบลาออกแต่ไม่ได้ยื่นถึงหัวหน้าพรรค เพราะเข้าใจว่าจะมีการเตรียมล้างไพ่เลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่
ประกอบกับถูก “พล.อ.ประยุทธ์” ขึ้นเสียง-ส่งสัญญาณ “ให้เลิกเดินตามได้แล้ว” ทำให้ “เสี่ยตั๊น” น้อยใจ
เกมเขย่าก๊วนสมคิด-สี่กุมารเดินเกมคู่ขนานกับการออกมาเคลื่อนไหวของ “กลุ่มบิ๊กป้อม” ปล่อยแชตไลน์กลุ่ม 20 ส.ส. ถล่มหัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรคอย่างดุเดือดแพร่กระจายไปยังนักข่าว
“แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ” วิเคราะห์ว่า การเดินเกมของ “สายเหยี่ยว” ในก๊กบิ๊กป้อม อาจจะทำให้ “พรรคแตก” ได้ไม่ช้าก็เร็ว
“ธรรมชาติของพลังประชารัฐ เป็นการรวมตัวของกลุ่มก้อนของผลประโยชน์ไม่ได้เกิดจากการรวมตัวของความเป็นอุดมการณ์เดียวกัน จึงเป็นความเปราะบางเกิดความแตกแยกแบบซึมลึก”
ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร จึงถูก “เป่าหู” จากบริวาร เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจ-การนำใหม่ จาก “คอนเน็กชั่นสมคิด” เป็น “มุ้งใหญ่-บิ๊กบราเธอร์”
"เป็นต้นฉบับ" - Google News
May 02, 2020 at 12:00PM
https://ift.tt/2SIqN6n
'บิ๊กป้อม' พับแผน ยึดพรรค เกมเขี่ยทีม 'สมคิด-สี่กุมาร' ล่ม - ประชาชาติธุรกิจ
"เป็นต้นฉบับ" - Google News
https://ift.tt/2xbvptW
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
Bagikan Berita Ini
0 Response to "'บิ๊กป้อม' พับแผน ยึดพรรค เกมเขี่ยทีม 'สมคิด-สี่กุมาร' ล่ม - ประชาชาติธุรกิจ"
Post a Comment