Search

พวกเกลเซอร์คือตัวปัญหา - สยามกีฬา

faca.prelol.com
พวกเกลเซอร์คือตัวปัญหา

ย่างฤดูใบไม้ร่วงปี2005พลันที่ลูกหนังจากอุ้งสตั๊ดของเวย์น รูนี่ย์กระแทกก้นตาข่าย เสียงไชโยดังสนั่นทั้งสี่ทิศในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันนั้นเป็นเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบคัดเลือกกับ เดเบรเซน ซึ่งเป็นทีมจากฮังการี และเกมนั้นก็ยังเป็นครั้งแรกด้วยที่บรรดาผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่เข้ามานั่งชม

     "เข้าไปแล้ว...ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับลูกบอล?" เป็นการบอกเล่าถึงเห็นภาพจากอดีตผู้บริหารสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงความไม่ประสีประสาในเกมลูกหนังของพวกอเมริกันชนที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับฟุตบอลอังกฤษ

     "พวกเขาคงคิดว่าต้องเป็นอย่างเบสบอล หรืออเมริกันฟุตบอล ซึ่งจะมีการเอาลูกบอลลูกใหม่มาใช้ได้แต่ฟุตบอลแล้วมันอีกอย่างก็แค่เข้าไปเก็บในตาข่ายแล้วนำมาเขี่ยเริ่มเกมอีกครั้ง ก็คอนเซปต์ของสองประเทศมันแตกต่างกันหากผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นเดวิด กิลล์มั้งที่กระซิบบอกพวกเขาว่ามันคนละกติกากัน"

พวกเกลเซอร์คือตัวปัญหา

     วันนั้นพี่น้องตระกูลเกลเซอร์มากันพร้อมหน้าทั้งโจเอล, อัฟรามและไบรอันขณะเดียวกันก็เป็นวันที่ทำให้ทุกวันนี้ผู้ที่เคยทำงานด้วยมักย้อนคิดถึงเสมอ

     "มันแสดงออกมาถึงสองสิ่ง หนึ่งก็คือคุณต้องการคนที่เข้าใจถึงวัฒนธรรมบอลอังกฤษเข้ามาบริหารและสองก็คือคุณก็ต้องมีคนที่ให้คำปรึกษาที่รู้จักฟุตบอลดีกว่าคุณ"อดีตบอร์ดผีกล่าวต่อมา

     15 ปีผ่านมา...เพียงก้าวเท้าลงรถรางก็สามารถสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอันเกรียงไกร มีแผงลอยขายสินค้ามายั่วเงินในกระเป๋า, มีคนมาถือผ้าพันคอแมตช์เดย์ตะโกนปาวๆและมีฝูงมนุษย์ที่เรียกว่ากองเชียร์เดินสวนไปมาตามถนน

     นับจำนวนโทรฟี่ในช่วงเวลาดังกล่าว:5แชมป์พรีเมียร์ลีก, 1ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, 1 ยูโรปา ลีก, 1 เอฟเอ คัพกับ4 ลีก คัพซึ่งแน่นอนย่อมไม่นับว่าเลวร้ายแต่อย่างใด

     อย่างไรก็ตามมันก็มีรายละเอียดด้านอื่นที่ควรรู้เอาไว้เช่นกัน...

    -พวกเกลเซอร์โกยรายได้เป็นของส่วนตัวตก200ล้านปอนด์จากสโมสรนับตั้งแต่เข้ามาเทกโอเวอร์

    -ก่อนหน้านี้แมนฯยูไนเต็ดเกือบเซ็นสัญญาเอาสายการบินเอติฮัดเข้ามาเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่แล้วก่อนที่จะกลายเป็นคู่การค้ายาวนานกับเพื่อนร่วมเมืองซิตี้

    -พี่น้องตระกูลเกลเซอร์มีถึง6คนที่นั่งบอร์ดบริหารแต่โจเอลถือเป็น"บิ๊กบอส"โดยว่ากันว่าเขาจะทำงานหนักถึงวันละ8ชั่วโมงในออฟฟิตที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ห้องทำงานมีแขวนรูปจอร์จ เบสต์ไว้บนฝาผนังด้วย

    -ดังนั้นโจเอลจะเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดในทุกๆเรื่องรวมถึงการซื้อขายผู้เล่น

    -ตระกูลเกลเซอร์ไม่มีความคิดที่จะปล่อยสมบัติมูลค่ามหาศาลออกไปแต่อย่างใดซึ่งตอนที่มีข่าวว่าทางกลุ่มทุนซาอุฯสนใจอยากซื้อต่อ พวกเขาก็พร้อมเจรจาแต่จะยอมขายหุ้นในมือออกไปแค่ 20%เท่านั้น

    -สภาพความเก่าของโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดทุกวันนี้ก็มาจากการตัดสินใจของพวกเกลเซอร์เช่นกันที่มองว่ามันไม่คุ้มที่ต้องเสียเงินในการปรับปรุง

พวกเกลเซอร์คือตัวปัญหา

     ขณะเดียวกันตอนนั้นก็มีสายตรงจากแฟนผีตัวจริงที่โทรมาเรียกร้องให้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันลงจากตำแหน่งเนื่องจากไม่พอใจที่มหาบุรุษสายเลือดสกอตต์เหมือนกลืนน้ำลายตัวเองลงคอ เคยออกมาลั่นวาจาตอนถูกรับเชิญในการประชุมหมู่กองเชียร์ว่า"สโมสรแห่งนี้ไม่ควรตกอยู่ใต้อาณัติใคร"

     "พวกเราแค่รู้สึกว่าได้เสียอิสรภาพไปเรียบร้อยเพราะนี่คือสโมสรที่ไม่เคยเป็นหนี้ใครมาตั้งแต่ปี 1931แต่ทั้งเฟอร์กูสันและกิลล์กลับยอมรับมันโดยง่าย"

     นั่นเองต่อมาถึงมีเร้ด อาร์มี่ส์จำนวนหนึ่งรวมตัวกันก่อตั้งสโมสรภายใต้ชื่อว่า"FC United of Manchester"ขึ้นมาโดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านพวกเกลเซอร์รวมไปถึงปรารถนามีทีมบอลที่ทำเพื่อชุมชนโดยตรง ไม่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจมาเกี่ยวข้อง

     ใช่ครับ หลายคนอาจไม่ได้สนใจอะไรนอกจากผลการแข่งขัน ส่วนอีกบางคนก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องของพวกเขาที่ต้องมาทวงถามว่าใครถูกใครผิด กระนั้นตลอด15ปีมานี้สำหรับคนบางกลุ่มถือเป็นช่วงที่น่าเจ็บปวดซึ่งภาพข่าวตั้งแต่วันที่มีการประท้วงด้านหน้าของสนาม, รณรงค์ภายใต้สโลแกน"Love United Hate Glazers"จนถึงล่าสุดตอนต้นปีก็มีข่าวบุกก่อกวนถึงบ้านของเอ็ด วู้ดเวิร์ดผู้ที่เป็นคนที่พวกเกลเซอร์ไว้วางใจมากที่สุด

     ผลประกอบการที่มีการเปิดเผยตอนเดือนพฤษภาคมนั้นหนี้ของสโมสรแชมเปี้ยนส์20สมัยเพิ่มขึ้นแตะ429ล้านปอนด์ สาเหตุก็มาจากการลงทุนซื้อผู้เล่นแพงๆเข้ามาทั้งแฮร์รี่ แม็กไกวร์กับบรูโน่ เฟอร์นานเดส

พวกเกลเซอร์คือตัวปัญหา

     ภาพตัดมาถึงนาทีนี้ซึ่งก็มีการเฝ้าลุ้นทุกวันของแฟนบอลว่าเมื่อไรดีลเจดอน ซานโช่ถึงได้ข้อสรุปซะทีถึงกระนั้นอุปสรรคที่ขวางกั้นการเจรจาอยู่ก็สะกดได้สั้นๆว่า"เงิน"

     แรมเดือนแล้วที่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์คงแสดงท่าทีแข็งกร้าวว่าต้องการ120ล้านยูโรเท่านั้นเช่นกันทุกครั้งที่ได้ยินก็ทำให้วู้ดเวิร์ดถึงกับส่ายศีรษะด้วยความเหนื่อยหน่ายว่าจะหาวิธีไหนเพื่อโน้มน้าวให้หาข้อตกลงกันได้

     สายตรงที่ซีอีโอผีแดงต่อหาก็มีปลายทางเป็นโจเอลซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะยอมทำตามไม่ว่าจะเพราะช่วงโควิดเศรษฐกิจย่ำแย่รวมไปถึงตัวเลขงบดุลติดสีแดง

     การได้กลับเข้าร่วมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกช่วยได้แต่ไม่ทั้งหมดเพราะนั่นเป็นเงินในอนาคต ถึงกระนั้นที่น่าประหลาดใจก็ตรงว่าในขณะที่ทีมกำลังลงสนามเกมแรกวันเสาร์นี้และขณะที่หลายต่อหลายทีมโดยเฉพาะทีมกลุ่มคู่แข่งโดยตรงเสริมทัพกันอุตลุดแต่แนวโน้มนักเตะใหม่คนที่สองในซัมเมอร์นี้ของพวกเขาก็ยังดูไม่มีวี่แวว

     แน่นอนมันมีโอกาสที่จะมีเข้ามา คงไม่ใช่ดอนนี่ ฟาน เดอ เบคคนเดียวแต่ที่น่าคิดคนๆนั้นจะใช่เป้าหมายหลักของพวกเขาหรือเป็นผู้เล่นระดับท็อปตามที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชาได้บอกบอร์ดบริหารไปไหม

พวกเกลเซอร์คือตัวปัญหา

     ย้ายสายตาดูวิธีการบริหารสไตล์อาหรับซึ่งตลอดทศวรรษนับแต่กลุ่มอาบูดาบีเข้าครอบครองสโมสรสีฟ้าของแมนเชสเตอร์ก็มีการลงทุนไปมากกว่าหนึ่งพันล้านปอนด์ในทุกด้าน เริ่มจากบรูณะสนามให้ใหญ่และสวยขึ้น, สร้างศูนย์อะคาเดมี่ย์ครบวงจรอยู่ติดสนาม, เพิ่มสายรถรางวิ่งผ่านเอติฮัดและแน่นอนในแง่ของโค้ชกับตัวผู้เล่น

     ทุกวันนี้โรงละครแห่งความฝันจึงเป็นสังเวียนที่มีความจุหลัก75,000คนโดยที่เจ้าของสโมสรคำนึงแค่เรื่องค่าบัตรผ่านประตูเท่านั้น เคยมีภาพหลังคาฝั่งเมนสแตนด์รั่วจากพายุฝนซึ่งถูกแชร์ไปตามโซเชี่ยลสร้างความอับอายให้กับแฟนบอลไปทั่ว     

     "พวกเขาเคยมีไอเดียที่จะซื้อที่ดินรอบๆสนามแต่ก็ต้องเก็บแผนพับไว้โดยเฉพาะพอแกรี่ เนวิลล์กับพรรคพวกสร้างโรงแรมขึ้นมาข้างๆนอกจากนั้นพอเห็นตัวเลขว่าต้องลงทุนถึง1พันล้านปอนด์ก็ยิ่งทำให้ไม่อยากเสียเงินแต่เมื่อคุณดูทุกอย่างของโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดจากด้านนอกเข้าด้านในก็ไม่ต่างจากคนชราภาพคนหนึ่ง"เป็นปากคำของอดีตพนักงานฝ่ายบัญชีของสโมสร

     นี่เป็นโมเมนต์หัวเลี้ยวหัวต่อของพวกเขาแท้จริง

     ทำไม??

     ด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้นในยุคนี้ มันไม่ใช่แค่มี2-3ทีมแต่มีอย่างน้อย6ทีมที่ถูกยกให้เป็นผู้นำของประเทศ เหนืออื่นใดบนศักราชที่ลิเวอร์พูลกับแมนฯซิตี้ซึ่งเป็นอริโดยตรงของพวกเขาขับเคี่ยวชิงความเป็นหนึ่ง มันเป็นความทรมานในทุกทางก็ว่าได้ขอใครก็ตามที่ขนานนามตนว่า"แฟนผี"

พวกเกลเซอร์คือตัวปัญหา

     นี่คือสโมสรที่การเข้าป้ายจบท็อปโฟร์ไม่ควรน่าพอใจอย่างที่สุด

     ซานโช่จึงเป็นผู้เล่นที่พวกเขาต้องทำทุกทางในการนำตัวมาให้ได้ นอกจากยกระดับเกมรุกให้น่าตื่นตาตื่นใจแล้วก็ยังเหมือนกระบอกเสียงที่เตือนไปยังคู่แข่งอื่นๆด้วยว่าพวกเขามีความทะเยอทะยานที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่

     ปี2009รายได้ของแมนฯยูไนเต็ดตกอยู่ที่279ล้านปอนด์ ผ่านมาสิบปีเต็มตัวเลขได้ทะยานสูงขึ้นเป็น627ล้านปอนด์อันเนื่องจากลิขสิทธิทีวีที่มีการประมูลกันเพิ่มขึ้นทุกครั้งตลอดจนพวกสปอนเซอร์ต่างๆที่แห่เข้ามาอยากลงทุนด้วย

     ตราบใดที่คงมีแบรนด์สินค้าทั่วทุกมุมโลกสนใจมาทำการค้า ตราบใดที่โลโก้อสูรคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดชั้นดี ตราบนั้นตัวเลขในบัญชีก็ย่อมทำให้คนเป็นเจ้าของอมยิ้มมุมปากได้

     ก็นั่นแหละคำถามที่ตามมาก็คือ"พวกเกลเซอร์ต้องการได้แชมป์บ้างไหม?"

                                                "ไก่ป่า"

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
เพิ่มเพื่อน

Let's block ads! (Why?)



"พวกเขาทั้งหมด" - Google News
September 18, 2020 at 05:05PM
https://ift.tt/3mAqTdd

พวกเกลเซอร์คือตัวปัญหา - สยามกีฬา
"พวกเขาทั้งหมด" - Google News
https://ift.tt/2VFpqXR
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3dnz7A2

Bagikan Berita Ini

0 Response to "พวกเกลเซอร์คือตัวปัญหา - สยามกีฬา"

Post a Comment

Powered by Blogger.